"สาธิต"ขอเอกชนร่วมมือ work from home หลังปีใหม่ หวั่นตัวเลขติดโควิดพุ่ง

28 ธ.ค. 2564 | 09:45 น.
อัปเดตล่าสุด :28 ธ.ค. 2564 | 16:53 น.

"สาธิต"ขอเอกชนร่วมมือwork from home หลังปีใหม่ หวั่นตัวเลขติดโควิดพุ่ง ส่วนขรก.จะให้ทำงานที่บ้านให้มากทึ่สุด หวั่นตัวเลขติดโควิดพุ่ง เชื่อไม่ซ้ำรอยสงกรานต์ปีก่อนอาการไม่มีความรุนแรง


วันที่ 28 ธ.ค.64 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ให้สัมภาณ์ถึงข้อเสนอในครม.ถึงการควบคุมสถานการณ์โควิค-19 ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ว่า คาดว่านายกรัฐมนตรี จะนำข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขมาหารือในที่ประชุมครม. เพราะเราได้มีการเสนอฉากทัศน์และจำลองข้อมูลต่างๆ ขณะเดียวกัน สธ. จะขอความร่วมมือกับประชาชน ให้ปฏิบัติตามมาตรการในการควบคุมโควิด เพราะหากทุกคนปฏิบัติตามสถานการณ์ก็จะเป็นไปตามฉากทัศน์ที่เราจำลองไว้ อย่างไรก็ตามแม้สายพันธุ์โอมิครอนจะมีอาการไม่รุนแรง ความรู้สึกในภาพรวมแต่เราจะไม่ให้กระทบกับความเชื่อมั่นและความรู้สึกประชาชนในภาพรวม ถ้าตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตน้อยที่สุดก็จะสร้างความเชื่อมั่นในการเปิดประเทศได้

 

เมื่อถามว่า หลังปีใหม่ เราจะมีมาตรกรเรื่อง work from home  อย่างไร นายสาธิต กล่าวว่า เรามีมาตรการอยู่แล้วและวันที่ 4 ม.ค.65 เราจะนำมาตรการมาประเมินอีกครั้ง เพราะเชื่อว่าช่วงเทศกาลปีใหม่เราจะหลีกเลี่ยงการแพร่ระบาดของเชื้อโอไมครอนได้ยากขึ้น ดังนั้นหลังเทศกาลปีใหม่หากใช้มาตรการทำงานที่บ้านก็จะลดการแพร่ระบาดได้ง่ายขึ้น ซึ่งในส่วนของข้าราชการเราจะมีการให้ work from home    มากที่สุด ในส่วนของภาคเอกชนเราได้ขอความร่วมมือไปแล้ว ถ้าช่วยปฏิบัติตามก็จะเป็นประโยชน์

นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข

เมื่อถามว่า กำหนดระยะเวลาในการเวิร์ค ฟอร์ม โฮมไว้ประมาณเท่าไหร่ นายสาธิต กล่าวว่า หลังเทศกาลปีใหม่ไม่เกิน 2 สัปดาห์เราจะทราบตัวเลขผู้ติดเชื้อ จะพบตัวเลขฉากทัศน์ที่เกิดขึ้น หากเราร่วมด้วยช่วยกันดี หลังปีใหม่ประมาณ 10 วัน ตัวเลขไม่ก้าวกระโดด มาตรการก็จะเบาลง

 

เมื่อถามว่า การปฏิบัติตัวของคนไทยหลังเทศกาลปีใหม่ ควรอยู่ในระดับไหน นายสาธิต กล่าวว่า จะกำหนดในช่วงสัปดาห์หน้า เพราะพฤติกรรมของคนที่อั้นมานาน แต่ตัวเลขที่แสดงในปัจจุบันยังไม่พบ ตน คิดว่าช่วงหลังปีใหม่ 1-2 วันจะทราบ เพราะที่ผ่านมามาตรการที่ออกมาถูกละเลยไปสมควร

เมื่อถามว่า มองว่าเหตุการณ์จะไม่ซ้ำรอยเหมือนช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีที่ผ่านมาใช่หรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า แม้จะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นแต่จะไม่เป็นปัญหาเหมือนครั้งหลังเดือนเม.ย.เมื่อปีที่แล้ว เพราะอาการไม่มีความรุนแรง ในขณะเดียวกันเราก็ได้เตรียมพร้อมในเรื่องการฉีดวัคซีนโดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ที่ยังไม่มีการฉีดวัคซีน และเป็นกลุ่มเสี่ยง จะติดเชื้อมากขึ้น เราจึงได้เตรียมพร้อมไว้แล้ว ในโรงพยาบาลภาคีเครือข่ายของกทม. ที่จะมีการดูเรื่องการเปิดเรียนของเด็กควบคู่ไปด้วย