“ดร.เอ้ สุชัชวีร์”ผนึก 50 ส.ก. ทวงคืนผู้ว่าฯ กทม.

15 ธ.ค. 2564 | 06:20 น.
1.2 k

ปชป.เปิดตัว 50 ผู้สมัคร ส.ก.50 เขต ผนึก “ดร.เอ้ สุชัชวีร์” ทวงคืนเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. “เฉลิมชัย”ปลุกชาวประชาธิปัตย์เชื่อมั่นศักยภาพ “ดร.เอ้”เป็นม้านำศึกพา กทม.ไปสู่การเปลี่ยนแปลง

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.2564 ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ดร.เอ้ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่ากรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) ในนามพรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้าสักการะพระแม่ธรณีบีบมวยผม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำพรรคประชาธิปัตย์ โดยจุดธุปเทียน พร้อมรับน้ำปะพรมเพื่อเป็นสิริมงคล ในโอกาสเริ่มต้นทำงานการเมืองร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์อย่างเป็นทางการ

 

ขณะเดียวกัน ยังมีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ทั้ง 50 เขต ในนามพรรคประชาธิปัตย์ โดยมี นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค และ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค ดูแลพื้นที่กรุงเทพมหานคร(กทม.) ร่วมเปิดตัวผู้สมัคร

ปชป.มุ่งเปลี่ยนกรุงเทพฯ

 

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแล กทม. กล่าวในการเปิดตัวผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.)  50 เขต 50 คน ว่า ตามที่ตนได้รับภารกิจสำคัญในการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม. ที่ดีที่สุดมามอบให้ชาวกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.2564 คงได้ประจักษ์ว่า หัวหน้าพรรค นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ และเลขาธิการพรรค นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ได้ทำให้พี่น้องชาวกรุงเทพฯ ไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

 

เพราะ “ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์” ได้แสดงให้พี่น้องประชาชน คนไทยไม่เฉพาะในกรุงเทพฯ ได้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงของพรรคประชาธิปัตย์ การเปลี่ยนแปลงของกรุงเทพมหานคร และการเปลี่ยนแปลงของประเทศไทย จะเริ่มขึ้น กำลังเริ่มขึ้น และได้เริ่มขึ้นแล้วตั้งแต่วานนี้(13 ธ.ค.64)

“การเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ได้เกิดขึ้นได้จากลำพังหัวหน้าพรรค ที่ชื่อจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หรือจากเลขาธิการพรรค เฉลิมชัย ศรีอ่อน เท่านั้น และการเปลี่ยนแปลงก็ไม่ได้เกิดขึ้นได้แม้จะมีผู้ว่าฯ ชื่อ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ เท่านั้น แต่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้อยู่ที่พี่น้องชาวกรุงเทพมหานครทุกๆ คน 

 

และการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นได้อยู่ที่ ส.ก.พรรคประชาธิปัตย์ 50 เขต 50 คน ซึ่งจะได้นำการเปลี่ยนแปลงไปบอกกล่าวให้พี่น้องประชาชนทุกเขต ทุกคนให้ได้มากที่สุด เพื่อให้พี่น้องประชาชนที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงกับเราให้มีความมั่นใจว่า วันนี้พรรคประชาธิปัตย์กำลังจะสร้างการเปลี่ยนแปลงร่วมกับผู้ว่าฯ กทม. ที่ชื่อ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ และร่วมกับ ส.ก. 50 เขต 50 คน”

 

“เฉลิมชัย”ปลูกทวงคืนกทม.

 

ด้าน นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันหนึ่งที่ตนรอคอยมาเป็นระยะเวลา 2 ปีเศษ หลังจากที่เป็นเลขาธิการพรรค เพื่อนำกรุงเทพมหานครของพวกเรากลับมาดูแลพี่น้องชาวกรุงเทพฯ ด้วยพรรคประชาธิปัตย์ 

 

ทั้งนี้จะสู้ทั้ง 50 เขต และกล่าวกับผู้สมัคร ส.ก.พรรคประชาธิปัตย์ว่า คนกรุงเทพฯ ในวันนี้ส่วนใหญ่มาจากต่างจังหวัด เพราะฉะนั้นทุกสิ่งที่จะสามารถสื่อไปถึงสมาชิกพรรค และคนที่รักพรรคประชาธิปัตย์ ขอฝากไปให้ถึง และป่าจะมาล้อมเมืองเอง 

 

ตนมั่นใจว่าพรรคประชาธิปัตย์ยังอยู่ในหัวใจของพี่น้องประชาชน และความเป็นพรรคประชาธิปัตย์ของพวกเรายังอยู่ในความหวังของพี่น้องประชาชนตลอดมา 

 

“เหมือนที่ ดร.เอ้ กล่าวไว้ว่า คนเราต้องอยู่ด้วยความหวัง ผมขอฝากต่อจากนั้นคือ เมื่อมีความหวังแล้ว โอกาสจะมา แต่ถ้าโอกาสมาถึงแล้วเราไม่คว้าเอาไว้ ก็จะเหมือนไม่มีโอกาส วันนี้โอกาสพวกเรามาถึงแล้ว เราต้องช่วยกันคว้าโอกาสนี้ไว้ ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา วันนั้นผมก็เป็นเลขาธิการพรรค มาถึงวันนี้ 9 ปีผ่านไป ผมโชคดีอีกครั้งได้เป็นเลขาธิการพรรคดูแลการเลือกตั้ง กทม. อีกครั้ง เห็นมั้ยว่าชนะไปครึ่งนึงแล้ว อีกครึ่งที่เหลืออยู่ที่พวกเรา” 

 

เชื่อมั่นศักยภาพดร.เอ้  

 

นายเฉลิมชัย ยังกล่าวด้วยว่า วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ อุดมการณ์เราไม่เคยเปลี่ยนแปลง แต่วิธีคิด วิธีทำงาน เราต้องเปลี่ยน จากที่ตนได้ดูมหานครทั่วโลกพบว่า สิ่งที่เขาคาดหวังกับผู้บริหาร ผู้ว่ามหานครจากทุกที่ ก็คือ อนาคตของประเทศนั้น และจากผู้บริหารมหานครเหล่านั้นก็มีโอกาสเป็นผู้นำประเทศในวันข้างหน้า เพราะเมืองหลวงคือหัวใจของประเทศนั้น 

 

เช่นเดียวกันตนจึงนำแนวคิดนี้มาใช้ และการจะสนับสนุนผู้บริหาร กทม. ที่ดูแลประชากรเป็น 10 ล้านคน รวมประชากรแฝง เราจะต้องหาคนที่เป็นอนาคตของประเทศด้วย ไม่ใช่เฉพาะอนาคตของ กทม.เท่านั้น 
“วันนี้การเลือกผู้บริหารกรุงเทพฯ ครั้งนี้ คือการมองอนาคตของประเทศไทยในวันข้างหน้าด้วย ผมอยากให้บริบทสังคมไทยเปลี่ยนด้วยว่า วันนี้การจะให้คนมาบริหารดูแลพี่น้องประชาชนนั้น ต้องไม่มองเฉพาะการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมองไปถึงอนาคตด้วยว่า เขาจะดูแลประเทศไทยต่อไปอย่างไร 

 

วันนี้ผมเชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพของ ดร.เอ้ ที่วันนี้คือคนในครอบครัวประชาธิปัตย์คนหนึ่ง มีศักยภาพพอที่จะเดินไปถึงจุดนั้นได้ และพอที่จะบอกคน กทม. ให้ช่วยส่งเสริมคนนี้ แล้ววันข้างหน้าเขามีโอกาสจะเติบโตเพื่อกลับมาดูแลคน กทม. ได้มากกว่านี้ด้วยซ้ำ”

 

ขอทำสถิติไม่แพ้เลือกตั้งอีกครั้ง

 

เลขาธิการพรรค ปชป. กล่าวด้วยว่า ได้บอกกับสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ว่า ขอให้รับ ดร.เอ้ สุชัชวีร์ ที่เพิ่งเป็นสมาชิกพรรคตลอดชีพหมาดๆ เข้ามาเป็นคนในครอบครัวของเรา เป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง ยามเมื่อเราจะกระโจนเข้าสู่สนามเลือกตั้ง ดั่งภาพมงคลของคนจีน ที่ม้าจะไม่วิ่งทะยานไปอย่างเดียว แต่จะหันมองม้าตัวอื่นด้วย คนเป็นผู้นำ ต้องดูแลห่วงใยคนที่ตามมาข้างหลังด้วย ฝากท่านด้วย และคนที่ตามก็ต้องช่วยเกื้อหนุนคนที่นำเราไป วันนี้ผมมั่นใจ และ ดร.เอ้ ก็เป็นความหวังของผมด้วยว่า พรรคประชาธิปัตย์ของเราจะกลับมาอยู่ในใจของพี่น้องประชาชนอีกครั้งหนึ่ง 

 

จากการทำงานอย่างหนักของเรา จากอุดมการณ์การและหลักการที่มั่นคง ไม่เปลี่ยนแปลงของเรา จากพี่น้อง ส.ก. พี่น้อง ส.ส. และสมาชิกพรรค จะช่วยกันนำพาโอกาสนี้กลับมาสู่ประชาธิปัตย์ 

 

“ผมอยากทำสถิติอีกครั้งหนึ่งว่า ผมเป็นเลขาพรรคครั้งไหนไม่เคยแพ้ในศึกเลือกตั้ง ดังนั้น ความหวังนี้ไม่สามารถทำได้เพียงคนใดคนหนึ่งเท่านั้น เราต้องทำงานหนักขึ้น ให้พี่น้องประชาชนเห็นความตั้งใจจริงของเราที่จะมาเปลี่ยนกรุงเทพมหานครไปในทางที่ดี และวันหน้าถ้ามีโอกาส เราจะเปลี่ยนประเทศไทยด้วยกัน” นายเฉลิมชัย ระบุ

 

“กรุงเทพฯ ไม่เปลี่ยน ไม่รอด”


ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ในนามพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า รู้สึกอบอุ่นตั้งแต่เข้ามาในพรรคประชาธิปัตย์ แม้เป็นน้องใหม่ และรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงทั้งกรุงเทพฯ และ การเปลี่ยนแปลงประเทศ พร้อมเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกัน ในการส่งสัญญาณว่า “กรุงเทพ ไม่เปลี่ยน ไม่รอด” และพรรคประชาธิปัตย์ จะเป็นพรรคที่เปลี่ยนแปลงอนาคตกรุงเทพฯ และเปลี่ยนประเทศ

 

ดร.เอ้ กล่าวว่า พื้นที่แรกที่จะลงไปดูปัญหา คือ ฝั่งธนบุรี เพื่อดูเรื่องน้ำทะเลหนุน รวมถึงติดตามว่าในพื้นที่มีปัญหาอะไรบ้าง แต่ต้องรอดูวันเวลาที่เหมาะสมอีกครั้ง เพราะไม่อยากแค่ไปแนะนำตัว แต่อยากเข้าไปดูปัญหาด้วย ส่วนนโยบายหลังจากนี้ จะทยอยออกมาเรื่อยๆ ในเร็วๆ นี้

 

ส่วนทีมงานรองผู้ว่าฯ นั้น ขอให้ใจเย็นๆ ยังคงมีเวลาอยู่ ซึ่งคุณสมบัติผู้ที่จะมาทำงานร่วมกัน ต้องมีภาพของนักสู้ เป็นนักเปลี่ยนแปลง และมีความรู้กับด้านที่เข้ามารับผิดชอบจริง พร้อมย้ำว่า ตนให้ความสำคัญกับคนทุกกลุ่ม

 

ขณะที่ช่วงเวลาที่รัฐบาลส่งสัญญาณว่าจะมีการเลือกตั้งกลางปีหน้า นั้น ตนมองว่าเป็นเวลาที่ดี และเชื่อว่าจะสามารถลงพื้นที่ได้ทันท่วงที

 “ผมเข้าใจดี ว่า เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเข้ามาในเส้นทางการเมือง มีการเตรียมใจมาแล้ว และในอนาคตอาจจะเจอกระแสโจมตีในเส้นทางนี้ แต่มั่นใจในการทำงานและพิสูจน์แล้วว่า ผมและทีม ส.ก.มีความพร้อม ผมเห็นกระแสเปลี่ยนแปลงในพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมฝากถึงประชาชนว่า คนที่งอนๆ พรรคประชาธิปัติอยู่จะกลับมาสู่พรรคของเราต่อไป”
 

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3740 หน้า 12 ระหว่างวันที่ 16-18 ธ.ค.2564