“ทนาย”ชี้คำวินิจฉัยศาลรธน.คดีล้มล้างการปกครองฯ ช่องโหว่อื้อ

10 พ.ย. 2564 | 20:47 น.
อัปเดตล่าสุด :11 พ.ย. 2564 | 03:53 น.

“ทนาย”แกนนำม็อบราษฎชี้คำวินิจฉัยศาลรธน.พบช่องโหว่อื้อ แต่ทำให้ม็อบเสียเปรียบ เคลื่อนไหวลำบาก เชื่อมีคนนำคำวินิจฉัยไปใช้ประโยชน์แน่ แต่พร้อมสู้คดี

วันนี้(10 พ.ย.64) นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายของนายอานนท์ นำภา แกนนำม็อบราษฎร ให้สัมภาษณ์ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคดีล้มล้างการปกครองฯ ว่า คำวินิจฉัยนี้เป็นเพียงแรงกระเพื่อมอันหนึ่ง ซึ่งในทางกฎหมายหากตีความตามคำวินิจฉัยความหมายนี้ ใครพูดว่าปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ อาจจะมีคนยกเอาไปตีความหมายว่าเป็นการทำลายล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

 

“ปัญหาขึ้นอยู่กับศาลยุติธรรมจะให้บังคับใช้ได้หรือเปล่า ซึ่งจะเป็นการพิสูจน์ศาลยุติธรรมอีกเรื่องหนึ่ง และจะเป็นกลไกเพิ่มภาระให้แก่น้องๆ ที่เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงในระบบที่ดีกว่า”

เมื่อถามว่าจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะส่งผลให้ทนายทำงานหนักขึ้นในคดีอาญาหรือไม่ นายกฤษฎางค์ กล่าวหา ถ้าตอบแบบไม่ยอกย้อน ต้องบอกว่าเราเสียเปรียบอยู่แล้ว

 

อย่างไรก็ตาม จากคดีที่เพิ่งตัดสินนี้ ซึ่งนายอานนท์ กับเพื่อนถูกดำเนินคดีอยู่ที่สภ.คลองหลวง โดยคดีความอยู่ในกระบวนการยุติธรรมแล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ส่งฟ้องศาลและได้มีการประกันตัวแล้ว เรียบร้อยนานแล้วด้วย แต่อาจจะมีผลผูกพันลงตัวพอดีกับคดีนี้ที่มีอยู่แล้วในศาลยุติธรรม

เพราะหากมีผู้ไปร้องก็จะทำให้ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงกับประเทศนี้อย่างแน่นอน ซึ่งคดีดังกล่าวนี้อีก 1-2 วัน กำลังจะขึ้นศาลจังหวัดธัญบุรีอยู่แล้ว แต่กลับมีการเร่งมาติดสินก่อนว่าใช่ ก็เข้าใจว่าเราจะเสียเปรียบ ถ้ามีคนหยิบเอาไปใช้และน้องๆ ก็คงจะลำบาก

 

“น้องๆ ที่เป็นลูกความเรายังเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเขาจะเคลื่อนไหวหรือไปเคลื่อนไหวต่อไปหรือไม่ ก็เป็นสิทธิของเขา เรายังตอบไม่ได้ แต่การเคลื่อนไหวของน้องๆ ต่อไปก็จะเป็นตัวพิสูจน์ว่า คำวินิจฉัยนี้ถูกต้องหรือไม่ หากประชาชนทั้งประเทศเห็นว่าคำวินิจฉัยนี้ไม่ถูกต้อง ก็จะบังคับใช้ไม่ได้

 

แต่ปัญหาที่คำวินิจฉัยของศาลในวันนี้ต้องมาศึกษาว่ากระทบต่อคดีที่เรารับผิดชอบหรือเปล่า ซึ่งยอมรับว่ามันเป็นการเพิ่มภาระผูกพัน  อย่างไรก็ตามเราก็มีแนวทางอยู่แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ซึ่งบนการต่อสู้นี้คำวินิจฉัยนี้มีคำว่ามีข้อผิดพลาดเยอะ และอาจจะมีบางอย่างใช้เป็นข้อต่อสู้ในศาลยุติธรรมได้"

 

นายกฤษฎางค์ กล่าวด้วยว่า สำนวนคดีนี้หนักใจ แต่อาการไม่หนักใจเท่าไหร่ เพราะในศาลยุติธรรมหรือแม้แต่ศาลทหาร ซึ่งเด็กๆ พวกนี้ขึ้นศาลทหารช่วง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ทำการรัฐประหารใหม่ๆ ก็ยังมีทนาย พยานโจทก์ ขณะที่คดีนี้บอกว่าไต่สวนแต่ไม่ทราบว่าไต่สวนอะไร มีเพียงแต่ผู้ร้องเอาคำปราศรัยมาถอดเทป เป็นเทปจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ และคำว่าปฏิรูปกับล้มล้างมันคืออะไร  ถามว่าเป็นธรรมหรือ โอกาสที่เราจะได้ซักค้านคดีหรือถามซักพยาน แต่ศาลบอกว่าทำให้เราเรียบร้อยแล้ว ซึ่งต้องขอบคุณศาลที่ให้โอกาสเราแค่นี้

 

“คาดเดาไม่ได้ ศาลเขียนไว้กว้างมาก ตามจริงวันนี้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่มีอะไรเพียงแต่ห้ามการกระทำ 10 ส.ค.63 ซึ่งเด็กเลิกทำไปตั้งแต่ปีที่แล้วว่า ให้เลิกการกระทำ  เขาไม่ได้บอกว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แต่ความผิดก็ยังคงมีอยู่ จริงๆคำวินิจฉัยของศาลวันนี้ไม่มีอะไร เพียงแต่จะมีคนหยิบยกนำไปใช้ ทั้งนี้ ย้ำว่าศาลรธน. จะต้องมีความรับผิดชอบต่อการเขียนข้อวินิจฉัยออกมา ซึ่งคุณจะต้องพึงระลึกว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเอาไปใช้แน่ เราย้ำว่าไม่มีปัญหาในการถูกนำไปใช้ แต่จะต้องมีความยุติธรรม" นายกฤษฎางค์ ระบุ