“นายกฯ”สั่งกองทัพ คงกำลังช่วย ปชช. ถูกพายุ “เตี้ยนหมู่”ถล่ม

10 ต.ค. 2564 | 12:16 น.
อัปเดตล่าสุด :10 ต.ค. 2564 | 19:24 น.

“นายกฯ”สั่งกองทัพ คงกำลังหนุนช่วยประชาชน ถูกพายุ “เตี้ยนหมู่”ถล่มกว่า 30 จังหวัดไปจนถึงขั้นฟื้นฟู หวั่นพายุ 2 ลูกซ้ำอีก

วันที่ 10 ต.ค.64 พลเอก คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กำชับทุกเหล่าทัพ ให้คงกำลังสนับสนุนการช่วยเหลือประชาชนจากอุทกภัยที่เกิดขึ้นจากพายุ “เตี้ยนหมู่” ในพื้นที่ต่างๆกว่า 30 จังหวัดต่อเนื่องกันไปจนถึงขั้นฟื้นฟู
                   

ขณะเดียวกันให้ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ผลกระทบจากร่องมรสุมพาดผ่านและผลกระทบจากพายุโซนร้อน “ไลออนร็อก” และ “คมปาซุ” โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัย จากฝนตกสะสมต่อเนื่องในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสานตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้ โดยให้เสริมกำลังหมุนเวียนร่วมกับจิตอาสาและเครื่องมือช่างกระจายลงพื้นที่เข้าช่วยประชาชนให้ทั่วถึง เพื่อลดอันตรายและความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ทั้งนี้ขอให้ใช้สะพานทหารเข้าช่วยดำรงไม่ให้เส้นทางสัญจรถูกตัดขาด และปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง ไม่ประมาท

“นายกฯ”สั่งกองทัพ คงกำลังช่วย ปชช. ถูกพายุ “เตี้ยนหมู่”ถล่ม

ทั้งนี้ ตั้งแต่ 23 ก.ย. 64 จนถึงปัจจุบัน ทุกเหล่าทัพยังคงกระจายกำลังลงพื้นที่ สนับสนุนให้การช่วยเหลือประชาชนจากอุทกภัยพายุโซนร้อนเตี้ยนหมู่ ที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้าง 33 จังหวัด โดยได้จัดกำลังพลหมุนเวียนกว่า 10,000 นาย พร้อมยุทโธปกรณ์และเครื่องมือช่าง ลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือกู้ภัยเร่งด่วน ทั้งการอพยพประชาชน ขนย้ายสิ่งของ แจกจ่ายอาหาร สิ่งของบรรเทาทุกข์และการรักษาพยาบาล ติดตั้งสะพาน และยานพาหนะอำนวยความสะดวกการเดินทาง จัดทำพนังกั้นน้ำด้วยกระสอบทราย และใช้เครื่องจักรเปิดทางระบายน้ำ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เรือผลักดันนำ้ รวมทั้งกำจัดวัชพืชและสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อลดระดับน้ำและความเสียหายในพื้นที่ให้มากที่สุด

สำหรับสถานการณ์ใน 16 จังหวัดที่คลี่คลายแล้ว กองทัพยังคงกำลังทหารในพื้นที่ สนับสนุนการช่วยเหลือ กำจัดซากปรักหักพัง รวมทั้งขนย้ายสิ่งของประชาชนที่ได้รับผลกระทบกลับเข้าบ้านเรือน ดูแลทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะ โรงเรียน วัดและสถานพยาบาลต่อเนื่องกันไป พร้อมประสานทำงานร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่อย่างใกล้ชิด ติดตามเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัย จากผลกระทบจากพายุที่จะเกิดขึ้นต่อเนื่องกันไป เพื่อลดความเสียหายและผลกระทบกับประชาชนในวงกว้างต่อไป