กนก แนะ 5 ข้อ ก้าวข้ามวิกฤตโควิด-19 ยึดความปลอดภัยประชาชนสำคัญที่สุด

21 ก.ค. 2564 | 12:59 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ก.ค. 2564 | 20:13 น.

กนก รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หวั่นระบบสธ.วิกฤต จากสถานการณ์ที่คนไทยติดเชื้อทะลุหมื่นต่อเนื่อง แนะ 5 ข้อ รอดจากโควิด-19 ไทยทุกคนจับมือก้าวข้ามโรคร้าย ยึดความปลอดภัยของประชาชนสำคัญที่สุด เตือนการเมืองลดชิงไหวชิงพริบ บนความสูญสียของชาติ

วันที่ 21  ก.ค. 2564 ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ยอดผู้ติดเชื้ทะลุหลักหมื่นต่อเนื่องว่า สิ่งที่รัฐบาลต้องคำนึงถึงในตอนนี้คือ ความปลอดภัยของประชาชนสำคัญที่สุด เพราะตัวเลขจำนวนคนติดเชื้อไวรัสรายใหม่วันละกว่า 10,000 คน และจำนวนคนเสียชีวิตวันละประมาณ 100 คน จนถึงจำนวนผู้ป่วยที่อยู่ในระบบการรักษามากกว่า 120,000 คน เป็นสถานการณ์ที่เรียกว่า“วิกฤต” สำหรับคนไทยและประเทศไทย ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของพลเมืองไทยที่จะต้องช่วยกันแก้ไขวิกฤตโควิดนี้            

 

อย่างน้อยที่สุดผ่านการเสนอความคิดเห็นต่อการแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์ เช่น เราจะแก้ไขการเพิ่มจํานวนคนติดเชื้อใหม่รายวันได้อย่างไร เราจะช่วยส่งคนป่วยกลับบ้านเกิดแทนการนอนรอเตียงในห้องเช่าในกรุงเทพและปริมณฑลได้อย่างไร จนถึงเราจะสื่อสารกับรัฐบาลและกับประชาชนเพื่อช่วยบรรเทาทุกข์กันอย่างไร     เป็นต้น

 

รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังเสนอแนวทางแก้ปัญหา 5 ประเด็น คือ 1 การแก้ไขปัญหาวิกฤตโควิด 19 จะต้องยึดเจตนารมณ์ร่วมกัน คือ“ความปลอดภัยของประชาชนสำคัญที่สุด” วันนี้เราเห็นข่าวทั้งคนรวยและคนจนล้วนต้องเสียชีวิตด้วยโรคไวรัสโควิด 19 เหมือนกัน  แสดงว่าฐานะทางการเงินไม่สามารถประกันความปลอดภัยได้ เราเห็นพ่อ แม่ สามี ภรรยา พี่น้อง ลูกหลานเจ็บป่วยนอนรอเตียงที่บ้านและเสียชีวิตในที่สุด แสดงว่าความเป็นญาติพี่น้องไม่สามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสได้และไม่สามารถช่วยยื้อชีวิตไว้ได้ ภาพเหล่านี้ทำให้ตนคิดว่าเราทุกคนควรจะต้องร่วมมือกันเพื่อรักษา “ความปลอดภัยของประชาชนทุกคน”ด้วยการร่วมมือกันหยุดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสด้วยกันกระทำของตัวเราเอง เราหยุดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด 19 ได้ เริ่มต้นที่ตัวเราเอง 

2. สำหรับนักการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ทั้งในระดับชาติและท้องถิ่น ถ้าเรายึดเจตนารมณ์ร่วมกันคือ“ความปลอดภัยของประชาชนสำคัญสุด” การปฏิบัติหน้าที่ของท่านควรที่จะต้อง“ลดการชิงไหว   ชิงพริบ”เพื่อความได้เปรียบทางการเมือง ในอีกด้านหนึ่งไม่ควรนิ่งเฉยเพื่อรอให้คู่แข่งเพลี่ยงพล้ำ ถ้าจะพูดให้ชัดเจนคือประชาชนไม่ต้องการให้วิกฤตโควิด 19 ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองโดยสิ้นเชิง

 

3. ถึงข้าราชการประจำที่มีหน้าที่ทางวิชาชีพที่จะแก้ไขวิกฤตโควิด 19 และช่วยเหลือเยียวยาประชาชนขอให้ท่านก้าวข้ามกฎระเบียบที่ทำให้การช่วยเหลือประชาชนล่าช้า เช่น การตั้งโรงพยาบาลสนาม งบประมาณก็อนุมัติแล้ว แต่การจัดซื้อจัดจ้างต้องล่าช้าเพราะกระบวนการจัดซื้อตามระเบียบราชการ การไม่ร่วมมือกันระหว่างข้าราชการส่วนภูมิภาคกับข้าราชการส่วนท้องถิ่น เช่น สถานที่ตั้งโรงพยาบาลสนามตกลงกันไม่ได้ระหว่างนายอำเภอกับนายกอบจ. เป็นต้น ข้าราชการประจำควรให้ความปลอดภัยของประชาชนมาก่อนกฎระเบียบของทางราชการ

 

4. การแก้ปัญหาวิกฤตนี้ตั้งแต่ระดับรัฐบาล, จังหวัด จนถึงท้องถิ่น ต้องไม่วิ่งแก้ปัญหาตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น เมื่อผู้ป่วยล้นโรงพยาบาลสนามแล้ว จึงมารีบจัดระบบการรักษาตัวที่บ้าน เป็นต้น               

 หัวใจของการบริหารจัดการวิกฤต คือ การคาดการณ์ล่วงหน้าว่าสถานการณ์จะพัฒนาไปอย่างไร เราต้องเตรียมระบบและกลไกแก้ไขปัญหาล่วงหน้า เช่น เรามองเห็นการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสแล้ว การเตรียมจัดหาวัคซีนใหม่ที่จะรับกับไวรัสกลายพันธุ์ต้องเกิดขึ้น เป็นต้น

 

และ 5. การบริหารจัดการกับวิกฤตการณ์ ไม่มีประเทศใดหรือผู้บริหารคนไหนที่ไม่ผิดพลาด               เพราะไม่มีใครล่วงรู้สถานการณ์ล่วงหน้าได้หมด ที่สำคัญคือการยอมรับข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น                     และรีบวิเคราะห์ปัญหาที่ทำให้เกิดข้อผิดพลาดนั้น จากนั้นรีบแก้ไขข้อผิดพลาดเพื่อลดหรือหยุดความเสียหาย ที่เกิดขึ้น 

ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน

รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีผู้นำเยอรมันยอมรับข้อผิดพลาดเรื่องการเลือกวัคซีน และแก้ไขด้วยการเร่งจัดซื้อวัคซีนใหม่ที่ให้ประสิทธิภาพต่อการสร้างภูมิคุ้มกันและมีผลข้างเคียงต่ำ เป็นต้น ความกล้าหาญที่จะยอมรับข้อผิดพลาดเกิดขึ้นได้ เมื่อผู้บริหารมี“ความจริงใจ”กับการแก้ไขปัญหาที่ยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ         

 

" ความจริงใจนี้เป็นเงื่อนไขสำคัญที่ผู้บริหารจะได้รับความเชื่อมั่นและร่วมมือจากประชาชนกลับมา เมื่อทบทวน 5 ประเด็นนี้ ทำให้ผมคิดถึงคำกล่าวหนึ่งของขงจื้อ ที่บอกว่า“คนดีจริงไม่ใช่คนที่ได้รับความชื่นชอบจากทั้งคนดีและคนไม่ดี แต่คนดีจริงคือคนที่คนดีชื่นชอบ ส่วนคนไม่ดีต่อต้านต่างหาก ขอเชิญชวนคนดีจริงมาช่วยกันทำให้“ความปลอดภัยของประชาชนสำคัญที่สุด”เป็นจริงในสังคมไทยของเราครับ"