“แรมโบ้”มั่นใจยกระดับควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้ผู้ติดเชื้อลดลง

10 ก.ค. 2564 | 10:32 น.
อัปเดตล่าสุด :10 ก.ค. 2564 | 17:35 น.

“แรมโบ้”มั่นใจประกาศยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้ติดเชื้อลดลง ขอประชาชนเข้าใจนายกฯ ในการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ สุดความสามารถ

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการที่ ศบค.ออกประกาศยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยมั่นใจว่า จะสามารถลดจำนวนผู้ติดเชื้อลงได้  เพราะจากที่เคยดำเนินการมาแล้วก่อนหน้านี้ยังสามารถทำให้ผู้ติดเชื้อลดลงได้ 

 

และที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการที่ให้เลี่ยงใช้คำว่าล็อกดาวน์นั้นเพราะไม่อยากจ่ายค่าเยียวยาประชาชนนายเสกสกล ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะแม้จะใช้หรือไม่ใช้คำว่าล็อกดาวน์หรือไม่นั้น นายกฯ รัฐบาล ก็ต้องเยียวยา มีมาตรการต่างๆออกมาช่วยเหลือประชาชนอยู่แล้ว เพราะนายกฯให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ ปากท้องของประชาชนเป็นอย่างมาก 

 

ส่วนการดูแลแรงงานในแคมป์คนงานที่ผ่านมา ครม.ได้อนุมัติโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ในกิจการก่อสร้าง และอีกหลายกิจกรรม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแล้ว 
 

พร้อมกับย้ำถึงความจำเป็นที่นายกฯจะต้องออกประกาศปิดแคมป์คนงานเนื่องจากเป็นสถานที่ที่มีการติดเชื้อเป็นจำนวนมาก ซึ่งภายหลังมีการประกาศนายกฯ ได้สั่งการจัดกำลังเร่งด่วนเข้าไปควบคุมจำกัดพื้นที่เพื่อไม่ให้แรงงานออกนอกพื้นที่ และให้เร่งตรวจคัดกรองเชิงรุก นำเข้าสู่ระบบการรักษาควบคุมโรคโดยเร็ว  สำหรับแรงงานที่เดินทางกลับภูมิลำเนา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงไปแล้วว่าเป็นจำนวนน้อย

 

นายเสกสกล ยังกล่าวถึงการที่ประชาชนต่อแถวตรวจหาเชื้อโควิดจำนวนมากนั้น ยอมรับว่าประชาชนอาจไม่ได้รับความสะดวกสบาย แต่ศบค.ได้ยืนยันที่จะเร่งเปิดจุดตรวจหาเชื้อให้มากขึ้น  และทางกระทรวงสาธารณสุข ยังได้มีมติให้มีการกำหนดแนวทางการใช้การตรวจหาแอนติเจนโดยใช้ ชุดตรวจโควิด Rapid Antigen Test  ใช้โดยสถานพยาบาลของรัฐและเอกชนที่ผ่านการรับรองทางห้องปฏิบัติการเครือข่ายตรวจ SARS-CoV-2 โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อแก้ปัญหาประชาชน เข้าไม่ถึงบริการตรวจโควิด ที่มีคนรอคิวจำนวนมาก 

ขณะเดียวกันได้เพิ่มขีดความสามารถการรักษาผู้ป่วยโควิดด้วยการจัดตั้ง รพ.สนาม ไอซียูสนาม การแยกกักในชุมชน และการแยกกักที่บ้าน รวมถึงสาธารณสุขยังได้ปรับแผนการกระจายวัคซีน โดยจะเร่งฉีดผู้สูงวัยที่อายุมากกว่า 60 ปี และกลุ่มผู้มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค ตั้งเป้าหมายฉีดให้ได้ 1 ล้านโดส ภายใน 2 สัปดาห์ จัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ให้กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ต้องได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน อีกทั้งยังไม่หยุดนิ่งที่จะจัดหาวัคซีนที่ประชาชนมีความต้องการเข้ามาฉีดให้กับประชาชน

 

“แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด -19  อาจทำให้ประชาชนเกิดไม่สบายใจในหลายเรื่อง  แต่ยืนยันว่านายกฯจะทำทุกอย่างเพื่อให้สถานการณ์ดีขึ้นให้ได้ ทั้งการดูแลด้านสาธารณสุข  ด้านเศรษฐกิจ  การเยียวยาต่างๆ และการบริหารจัดการวัคซีนให้ประชาชนทุกคน รวมถึงการจัดหาวัคซีนทางเลือกเข้ามา โดยขอให้ประชาชนได้เข้าใจในตัวนายกฯในการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนที่จะทำอย่างเต็มที่ และสุดความสามารถ”

 

นายเสกสกล กล่าวว่า  นายกฯ ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนทุกคนได้ช่วยกันรักษาตนเองให้ปลอดภัยจากเชื้อโควิดตามมาตรการที่ศบค.และสาธารณสุข กำหนด เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของทุกคน อย่าไปเชื่อเฟคนิวส์ ข่าวบิดเบือนข่าวปลอม หรือฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลที่คอยจ้องเล่นการเมือง โจมตีทำลายความเชื่อถือต่อรัฐบาล เพื่อหวังผลทางการเมือง ขอให้คนไทยทุกคนอดทนเพื่อก้าวข้ามวิกฤตโควิดครั้งนี้เพื่อให้คนไทยชนะผ่านความทุกข์ยากไปด้วยกันให้ได้