ครบรอบ25ปี ในการให้บริการ รถไฟฟ้า บีทีเอส สายสีเขียว เส้นทางรถไฟฟ้าสายแรกของไทย ก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่5ธันวาคม2542เป็นต้นมา นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัทบีทีเอสนำคณะผู้บริหาร และพนักงาน ทำพิธีบวงสรวงสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ท้าวมหาพรหม
เนื่องในโอกาสครบรอบ 25 ปีการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสและทำบุญประจำปี โดยมี พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ วิบูลย์เวทย์บรมหงส์พรหมพงศ์ พฤฒาจาริย์ ประธานพระครูพราหมณ์ สำนักพระราชวัง ทำพิธีฯ ณ บริเวณหน้าศาล ท้าวมหาพรหมอาคารบีทีเอส สำนักงานใหญ่ ถนนพหลโยธินเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567
นอกจากนี้ ในช่วงเช้าคณะผู้บริหารได้ทำพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ขอขมา และขอพร สิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามเส้นทางรถไฟฟ้าบีทีเอสที่ปฏิบัติเป็นประจำทุกปี อาทิ พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชวงเวียนใหญ่, พระพรหมเอราวัณ บริเวณสี่แยกราชประสงค์, พระพิฆเนศ และพระตรีมูรติ
บริเวณหน้าศูนย์การค้า เซ็นทรัลเวิลด์, พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชวังพญาไท, ศาลขุนด่านเจ้าพ่อเสือ สถานีบางหว้า, ศาลเจ้าพ่อทัพสำโรง สถานีสำโรง, ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองจังหวัดสมุทรปราการ สถานีปากน้ำ,ศาลพระแม่ลักษมีเทวี และศาลพ่อปู่บุญหนัก ศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว, ศาลพ่อปู่โพธิ์ไทร สถานีแยก คปอ. เป็นต้นเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่บริษัทฯ และพนักงาน อีกด้วย
รถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS) มีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่สมัยพลตรีจำลอง ศรีเมือง เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในขณะนั้น มีแนวคิดสร้างรถไฟฟ้าขึ้น เพื่อแก้ปัญหาจราจรติดขัด กลุ่มธนายง ของตระกูลกาญจนพาสน์ เป็นผู้ชนะประมูล และ ลงนามโดยบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (BTSC) จากนั้นจึงได้เริ่มการก่อสร้าง และเริ่มเปิดให้บริการ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2542
ภายใต้สัมปทานความร่วมมือระหว่างภาครัฐบาลและภาคเอกชนในรูปแบบ PPP net cost ระยะเวลา 30 ปี (2542-2572) โดยสายหลักประกอบไปด้วยสายสุขุมวิท (หมอชิต-อ่อนนุช ระยะทาง 17 กิโลเมตร) และสายสีลม (สนามกีฬาแห่งชาติ-สะพานตากสิน ระยะทาง 6.5 กิโลเมตร) ระยะทางรวม 23.5 กิโลเมตร 24 สถานี และขยายเส้นทางจากนั้น ตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา
นอกจากช่วยลดผลกระทบปัญหาจราจรติดขัดในเขตเมืองแล้ว ยังสร้างความเจริญ ให้กับเจ้าของที่ดินแนวสถานีรถไฟฟ้า กลายเป็นทำเลทองศูนย์กลางเมือง พลิกโฉมย่านช้อปปิ้ง คอนโดมิเนียม อาคารสำนักงานหรู ส่งผลให้ราคาที่ดินขยับสูง ในเวลาต่อมา จากเมืองขยายและความคับคั่งของจราจร รัฐบาลได้ขยายเส้นทาง รถไฟฟ้า ส่วนต่อขยายเพิ่มขึ้น เชื่อม ไปยังจังหวัดปริมณฑล
เริ่มจากโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว 1
โครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายจากระบบรถไฟฟ้าสีเขียวสายหลัก ระยะทาง 12.75 กิโลเมตร เริ่มเปิดให้บริการในปี 2552 ประกอบไปด้วยส่วนต่อขยาย 2 เส้นทางคือ ส่วนต่อขยายสายสีลม (สะพานตากสิน-บางหว้า ระยะทาง 7.45 กิโลเมตร 6 สถานี) และส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท (อ่อนนุช-แบริ่ง ระยะทาง 5.3 กิโลเมตร 5 สถานี)
ต่อมาในปี 2555 บีทีเอสซีได้ลงนามในสัญญากับ กรุงเทพธนาคม (KT) ในการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงส่วนต่อขยายดังกล่าวเป็นเวลา 30 ปี (2555-2585) ทั้งนี้ สัญญาการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงนี้ จะครอบคลุมถึงงานรับจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงระบบโครงการรถไฟฟ้าสีเขียวสายหลัก ระยะทาง 23.5 กิโลเมตร ภายหลังครบกำหนดอายุสัญญาสัมปทานในเดือนธันวาคม 2572
โครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว 2
เดือนมีนาคม 2560 บีทีเอสซีได้ลงนามในสัญญาการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย ครอบคลุมระยะเวลา 25 ปี (2560-2585) ระยะทางรวม 32.0 กิโลเมตร ประกอบด้วย 2 เส้นทาง ได้แก่ ส่วนต่อขยายสายสีเขียวใต้ (แบริ่ง-เคหะฯ ระยะทาง 13.0 กิโลเมตร) และส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-คูคต ระยะทาง 19.0 กิโลเมตร)และเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 ได้เปิดทดลองให้บริการในสายสีลม คือ สถานีเซนต์หลุยส์ ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างสถานีช่องนนทรี กับสถานีสุรศักดิ์ทำให้รถไฟฟ้าบีทีเอสมีสถานีที่เปิดให้บริการในสายสีลม และสายสุขุมวิท รวมทั้งสิ้น 60 สถานี
ข้อมูลจากกองทุน BTSGIF ระบุว่า เมื่อไตรมาสที่ 2/2567 มีจำนวนผู้โดยสารรวม 52.5 ลำนเที่ยวคน เพิ่มขึ้มขึ้น 5.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 9.8% จากไตรมาสก่อน รายได้ค่าโดยสาร เพิ่มขึ้น 2.9% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 8.9% จากไตรมาสก่อน เป็น 1,745.5 ล้านบาท
อัตราค่าโดยสารเฉลี่ย สำหรับไตรมาส 2 ปี’67/68 เท่ากับ 33.2 บาทต่อเที่ยวการเดินทาง ลดลง 2.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และลดลง 0.9% จากไตรมาสก่อนขณะที่ช่วงครึ่งปี 2567/2568 (เมษายน-กันยายน 2567) จำนวนผู้โดยสารรวม 100.3 ล้านเที่ยวคน เพิ่มขึ้น 6.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน รายได้ค่าโดยสาร สำหรับครึ่งแรกปี’67/68 เพิ่มขึ้น 3.7% จากงวดเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 3,349.1 ล้านบาท