thansettakij
ชิปปิ้งหมู ลุยฟ้องปศุสัตว์ ศุลกากร เรียกคืน 4.7 ล้าน

ชิปปิ้งหมู ลุยฟ้องปศุสัตว์ ศุลกากร เรียกคืน 4.7 ล้าน

13 ธ.ค. 2566 | 13:27 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ธ.ค. 2566 | 13:51 น.
720

ชิปปิ้งหมู "สมายล์ ท็อป เค เอ็นเตอร์ไพรส์" ลุยฟ้องศาลปกครองกลาง ขอคุ้มครองชั่วคราว ยกเลิกคำสั่งกรมปศุสัตว์-ศุลกากรโดยมิชอบ พร้อมเรียกมูลค่าความเสียหายคืน 4.7 ล้าน

จากกรณีที่ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้แจ้งข้อกล่าวหา ต่อบริษัท ศิขัณทิน เทรดดิ้ง จำกัด และ บริษัท สมายล์ ท็อป เค เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด โดยมี นายบริบูรณ์ ลออปักษิณ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม ฐานนำของผ่าน หรือกำลังผ่านพิธีการศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงข้อจำกัดเกี่ยวกับของนั้น ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 และนำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านราชอาณาจักรซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558

สืบเนื่องจาก กองสารวัตรและกักกัน กรมปศุสัตว์ ได้กักมันหมู-เนื้อหมู ของบริษัท ทั้ง 2 ไว้ที่ท่าเรือแหลมฉบัง แบ่งออกเป็นของ สินค้าเนื้อหมู จำนวน 38 ตู้ ของบริษัท ศิขัณทิน เทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งฟ้องศาลปกครองกลางไปแล้ว มูลค่าความค่าเสียหาย จำนวน 246 ล้านบาท และ สินค้ามันหมู จำนวน 2 ตู้ มูลค่า 2 ล้านบาทของบริษัท สมายล์ ท็อป เคฯ

บริบูรณ์ ดับเครื่องชนกรมปศุสัตว์ ปมหมูเถื่อน แฉถูกเรียกรับผลประโยชน์ บริบูรณ์ ดับเครื่องชนกรมปศุสัตว์ ปมหมูเถื่อน แฉถูกเรียกรับผลประโยชน์

ล่าสุด (13 ธันวาคม 2566) นายบริบูรณ์ ลออปักษิณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมายล์ ท็อป เค เอ็นเตอร์ไพรส์ จํากัด ได้มอบอำนาจให้ทนายความ ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง กล่าวหา  กรมปศุสัตว์ ,อธิบดีกรมปศุสัตว์ ,หัวหน้าด่านกักกันสัตว์ชลบุรี ,ผู้อำนวยการกองสารวัตรและกักกัน และผู้อำนวยการส่วนบริการศุลกากร เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-5

โดยในคำฟ้องระบุว่า เจ้าหน้าที่รัฐ หรือหน่วยงานทางปกครอง กระทำการโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยการออกกฎ คำสั่งหรือการกระทำอื่นใด หรือเป็นการใช้ดุลพินิจโดยไม่ชอบและกระทำละเมิดอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางบริษัท  

พร้อมขอให้ศาลปกครองกลาง  มีคําสั่งหรือคําพิพากษาเพิกถอนคําสั่งไม่อนุญาตนําสัตว์หรือซากสัตว์เข้ามาในราชอาณาจักร พร้อมมีคําสั่งทุเลาคำสั่งเพื่อให้บริษัทผู้ฟ้องคดีสามารถนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรตามพิธีการศุลกากรได้ตามปกติ

ในคำฟ้อง ยังขอศาลปกครองกลางเพิกถอนหนังสือส่วนบริการศุลกากร 1 เรื่อง ของค้างบัญชีเรือตกเป็นของตกค้างตามกฎหมาย และหนังสือเรื่อง ของตกค้างที่เป็นของต้องกํากัด(ของบางชนิด ที่กฎหมายควบคุมการนำเข้ามา และการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร การนำเข้าและการส่งออกของต้องกำกัด ต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องซึ่งจะต้องนำมาแสดงในเวลาปฏิบัติพิธีการศุลกากรด้วย) และให้ผู้ถูกฟ้องคดีปฏิบัติตามพิธีการศุลกากรต่อสินค้าของบริษัทผู้ฟ้องคดีให้ถูกต้อง

เพื่อให้สินค้าของผู้ฟ้องคดีไม่ต้องตกเป็นของต้องกําจัด ไม่ถูกยึดหรืออายัดไว้โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 อย่างถูกต้อง และห้ามไม่ให้ทําอันตราย ทําให้เสียหาย หรือทําลายซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์ของผู้ฟ้องคดี ที่ได้ยื่นขออนุญาตนําเข้าไว้ตามกฎหมาย จนกว่าคดีจะถึงที่สุด เพื่อคุ้มครองมิให้ผู้ฟ้องคดีเสียหาย จากการกระทําที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายอันเป็นละเมิด

รวมทั้งขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย จํานวน 4,739,880.20 บาท พร้อมทั้ง ดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี ตั้งแต่ วันฟ้องจนกว่าจะชําระเสร็จ