สวยเลือกได้สะพัด "ลิซ่า BLACKPINK" ปัดข้อเสนอ YG ต่อสัญญา 1,400 ล้าน

15 ก.ย. 2566 | 13:10 น.
อัปเดตล่าสุด :15 ก.ย. 2566 | 20:59 น.

สะพัด "ลิซ่า BLACKPINK" ปัดข้อเสนอ YG ต่อสัญญา 1,400 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเสนอราคารอบที่ 2 กระทบราคาหุ้น YG ร่วงเกือบ 9%

การต่อสัญญาของ "ลิซ่า BLACKPINK" กับต้นสังกัดเดิม อย่าง YG Entertainment กำลังเป็นประเด็นฮ้อตที่เหล่าชาวบลิ๊งค์ทั่วโลกจับตามองอย่างใกล้ชิดว่า ลิซ่า จะต่อสัญญาหรือไม่  หลังจากลิซ่า ได้ปฏิเสธข้อเสนอแรกของ YG ไปแล้ว ในขณะที่ตัวลิซ่าเอง ก็ได้รับข้อเสนอจากค่ายดังหลายแห่งในต่างประเทศ

ลิซ่า BLACKPINK

จนล่าสุดสื่อเกาหลี koreaboo  มีการเผยแพร่กระแสข่าวล่าสุดว่า "ลิซ่า" ได้ปฏิเสธข้อเสนอต่อสัญญาครั้งที่ 2 จาก YG อีกครั้ง มูลค่าที่สูงถึง 40 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1,400 ล้านบาท

ขณะที่ Star News สื่อจากเกาหลีใต้ เผยว่า ลิซ่าได้ปฏิเสธข้อเสนอเรื่องการต่อสัญญาจาก YG ถึง 2 ครั้ง ซึ่งคาดว่ามูลค่าของสัญญาที่ได้รับนั้น สูงถึง 50,000 ล้านวอน หรือกว่า 1.3 พันล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ก็มีรายงานว่า ลิซ่าไม่สามารถหาข้อตกลงร่วมกันกับทางต้นสังกัดได้ ในเรื่องการต่อสัญญา

ลิซ่า

อย่างไรก็ตามจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้น ทำให้วันนี้ (วันที่ 15 กันยายน 2566) สำนักข่าว CNBC รายงานว่า ราคาหุ้นของ YG Entertainment ได้ร่วงลงไปกว่า 9% หลังจากที่สื่อในเกาหลีใต้รายงานว่า ลิซ่า BLACKPINK ปฏิเสธที่จะต่อสัญญาใหม่ หลังจากที่บริษัทได้ยื่นข้อเสนอให้ ซึ่งราคาหุ้นที่ร่วงในครั้งนี้ของ YG ถือการที่ราคาหุ้นตกลงมากที่สุดใน 1 วันนับตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2565

ต่อกระแสข่าวลือที่เกิดขึ้น ล่าสุด YG Entertainment ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการต่อสัญญาของ LISA

“เรายังคงหารือเรื่องการต่อสัญญากับลิซ่า ข่าวลือที่เกิดขึ้นไม่ได้รับการยืนยัน”

สวยเลือกได้สะพัด \"ลิซ่า BLACKPINK\" ปัดข้อเสนอ YG ต่อสัญญา 1,400 ล้าน

สวยเลือกได้สะพัด \"ลิซ่า BLACKPINK\" ปัดข้อเสนอ YG ต่อสัญญา 1,400 ล้าน

ทั้งนี้ BLACKPINK ประกอบด้วยสมาชิก 4 คน ได้แก่ เจนนี่ จีซู โรเซ่ และลิซ่า และถือได้ว่าเป็นหนึ่งในศิลปินเคป็อปจากค่ายวายจีที่ประสบความสำเร็จที่สุด และข่าวเรื่องการต่อสัญญานี้ ออกมาหลังจากที่ทางวง BLACKPINK ได้ปิดการแสดง Born Pink ซึ่งเป็นเวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ตที่ใหญ่ที่สุดของเกิร์ลกรุ๊ปที่เป็นเคป็อปมีผู้ชมกว่า 1.5 ล้านคนในกว่า 41 เมืองทั่วโลก