"สุดารัตน์"ถกสปป.ลาว หาทางออกแก้ฝุ่น PM 2.5 ตั้งเป้า 3 ปี ยุติหมอกควันพิษ

07 เม.ย. 2566 | 17:40 น.
อัปเดตล่าสุด :07 เม.ย. 2566 | 17:43 น.

"สุดารัตน์"บินตรงสปป.ลาว ถกทางออกปัญหาฝุ่น PM 2.5 เสนอตั้งคณะกรรมการร่วม 2 ชาติไทย-ลาว พร้อมยกระดับสร้างความร่วมมือในอาเซียนและระดับโลก ตั้งเป้าภายใน 3 ปี ยุติหมอกควันพิษ

วันที่ 7 เม.ย.2566 คุณหญิงสุดารัตน์  เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายสุพันธ์ มงคลสุธี รองหัวหน้าพรรค และ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคไทยสร้างไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พณฯ เพชร พรมภิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกสิกรรมและป่าไม้ สปป.ลาว ที่กระทรวงกสิกรรมและป่าไม้ นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว และได้หารือถึงปัญหาหมอกควัน ฝุ่น PM 2.5 ที่กำลังส่งผลกระทบอย่างหนักกับประชาชนใน สปป.ลาว และไทย 

คุณหญิงสุดารัตน์ เปิดเผยว่า ได้รับเกียรติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกสิกรรมและป่าไม้ สปป.ลาว ให้เวลามาพูดคุยเพราะทั้งไทยและลาวต่างเจอปัญหาหมอกควัน และฝุ่น PM 2.5 จากการเผาพืชไร่ เผาป่า ทำให้เกิดหมอกควันพิษ ข้ามไปมา 2 ประเทศ ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนย่ำแย่ ซึ่งทาง สปป.ลาวเห็นปัญหาตรงกันว่าเป็นเรื่องที่ต้องแก้ไข ร่วมกัน 

"ทางพรรคไทยสร้างไทยเราก็เสนอว่า ถ้าเราได้ทำงานเป็นรัฐบาล ต้องมาตกลงในลักษณะการสร้างความร่วมมือ เป็นคณะทำงานร่วม JC ลดการเผาป่า ซึ่งเรามองใน 2-3 เรื่องที่ตรงกัน 

เช่นสนับสนุนเกษตรกร ปลับเปลี่ยน ใช้เครื่องมือไถกลบ แทนการเผา ซึ่งจะสร้างรายได้จากการใช้เศษการเพาะปลูกมาขายเป็น Bio plastic ส่วนพื้นที่เชิงเขาลาดชัน ต้องแก้ไขเรื่องสิทธิที่ดิน ต้องทำทันที โดยจะเปลี่ยนการเพาะปลูกพืชไร่บนแนวเชิงเขาให้ปลูกพืชยืนต้น 


 

ทั้งนี้ จะเสนอให้รายได้ กับเกษตรกรต่อไร่ 2,000 บาท ต่อปีต่อไร่ ส่งเสริมหใ้เปลี่ยนพืชไร่เป็นไม้ยืนต้น ทางรัฐมนตรีกสิกรรมฯ ก็เห็นด้วยที่ต้องแก้ปัญหาร่วมกัน เพราะการปลูกไม้ยืนต้นทำให้ได้คาร์บอนเครดิตด้วย" คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว

ส่วนหนึ่งในการพูดคุยกับรัฐมนตรีกสิกรรมและป่าไม้ ของ สปป.ลาว ยอมรับว่า ปีนี้ปัญหาหมอกควันและฝุ่น PM 2.5 ของลาวรุนแรงมากกว่าทุกปี ปัญหาเกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งการบุกรุกพื้นที่กสิกรรม การทำมาหากินในเขตป่า และการเผาป่า ซึ่งทางรัฐบาลได้ระดมกำลังในการดับไฟป่า อย่างเร่วด่วน และในระยะยาวจะต้องปกป้องรักษาป่าไม้ โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม  

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวย้ำว่า ในระยะสั้นทั้งสองประเทศต้องช่วยกันดับไฟป่า ซึ่งในไทยจะต้องระดมกำลังอาสาสมัครไปดับไฟป่าทุกปี จะต้องช่วยสนับสนุนอุปกรณ์เครื่องมือและเจ้าหน้าที่ดับไฟป่า ไม่ให้ประชาชนต่อสู้อย่างโดยเดียว โดยทั้งไทยและลาวสามารถสร้างความร่วมมือสนับสนุนเรื่องนี้ต่อกันได้

"การแก้ปัญหานี้ต้องมี คณะกรรมการร่วม และต้องทำเป็นวาระแห่งชาติ ให้เป็นวาระแห่งภูมิภาค และวาระระดับโลก ถ้าพรรคไทยสร้างไทยได้เป็นรัฐบาล จะแก้ปัญหาหมอกควันข้ามพรมแดนให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปี ด้วยการเข้าไปช่วยเหลือเกษตรกรให้มีช่องทางในการเพิ่มรายได้ด้วยการปลูกไม้ที่สามารถนำไปขายสร้างรายได้ ลดการเผาป่าทำไร่ และที่สำคัญคือการสนับสนุนกู้ ในการจัดการเครื่องจักรเพื่อทำเกษตรกรรม โดยรัฐเข้ามาช่วยเหลือ" 

คุณหญิงสุดารัตน์ เปิดเผยด้วยว่า รัฐต้องมีมาตรการในการสนับสนุนให้ประชาชนมีเครื่องมือที่ลดการเผาป่า ซึ่งอาจช่วยให้เงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำ เป็นเงินกู้ระยะยาว ให้ประชาชน และต้องประสานความร่วมมือไปยัง ไทย ลาว และ เมียนมา และยกระดับไปสู่เวทีอาเซียน รวมถึงาระดับโลกในการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนไปพร้อมกันด้วย