ติวเข้มการดูแลระบบบำบัดน้ำเสียให้ปฏิบัติตามกฎหมาย

24 ธ.ค. 2565 | 21:07 น.
อัปเดตล่าสุด :25 ธ.ค. 2565 | 04:08 น.

อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ติวเข้มการดูแลระบบบำบัดน้ำเสียให้ปฏิบัติตามกฎหมายยังขาดความเข้าใจในการดำเนินการเกี่ยวกับระบบบำบัดน้ำเสียให้ถูกต้องครบถ้วนตาม พ.ร.บ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535

นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า จากปัญหาคุณภาพน้ำเสื่อมโทรมในคลองแสนแสบและคลองสาขา พื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาน้ำเสียอย่างยั่งยืน และเห็นชอบกับแผนหลักการพัฒนาฟื้นฟูสภาพแวดล้อมคลองแสนแสบ ระยะเวลา 11 ปี (พ.ศ.2564 - 2574)

 

โดยมาตรการที่สำคัญประการหนึ่ง คือ การกำกับให้แหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมการปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะหรือออกสู่สิ่งแวดล้อมปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อที่จะสามารถลดความสกปรกที่จะระบายจากแหล่งกำเนิดมลพิษลงสู่แหล่งน้ำ ซึ่งที่ผ่านมา คพ. ได้ตรวจสอบน้ำทิ้งจากแหล่งกำเนิดมลพิษในพื้นที่กรุงเทพมหานครแล้ว กว่า 1,300 แห่ง

 

 

พบว่า มีแหล่งกำเนิดมลพิษที่ค่าน้ำทิ้งไม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานที่กฎหมายกำหนดไว้สูงถึงร้อยละ 57.44 ส่วนใหญ่พบปัญหาระบบบำบัดน้ำเสียขาดการดูแลและบำรุงรักษาที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ และยังขาดความเข้าใจในการดำเนินการเกี่ยวกับระบบบำบัดน้ำเสียให้ถูกต้องครบถ้วนตาม พ.ร.บ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535

 

นายปิ่นสักก์ กล่าวว่า คพ.ได้บังคับใช้กฎหมายกับแหล่งกำเนิดมลพิษที่น้ำทิ้งมีค่าเกินมาตรฐาน โดยมีหนังสือคำสั่งให้ปรับปรุงแก้ไข ซ่อมแซมระบบบำบัดน้ำเสียภายในระยะเวลาที่กำหนด ในกรณีฝ่าฝืนจะดำเนินมาตรการปรับทางปกครองเป็นรายวัน และเพื่อให้การดำเนินงานแก้ไขปัญหาน้ำเสียให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและยั่งยืน จำเป็นอย่างยิ่งต้องอาศัยการบูรณาการสร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วนให้มีการจัดการน้ำเสียเป็นไปตามมาตรฐานก่อนระบายออกสู่สิ่งแวดล้อม เพื่อให้น้ำในแหล่งน้ำมีคุณภาพดีขึ้นเป็นไปตามมาตรฐานและเหมาะสมกับประเภทของการใช้ประโยชน์

 

คพ. ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการอบรมพัฒนาขีดความสามารถผู้ดูแลระบบบำบัดน้ำเสียของแหล่งกำเนิดมลพิษ เพื่อเป็นการส่งเสริมแหล่งกำเนิดมลพิษ ให้สามารถปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง ควบคู่กับการบังคับการทางกฎหมาย จึงจัดอบรมเพิ่มศักยภาพให้แก่แหล่งกำเนิดมลพิษที่มีผลคุณภาพน้ำทิ้งไม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน มีผู้ดูแลระบบบำบัดน้ำเสียของแหล่งกำเนิดมลพิษประเภทโรงแรม อาคารชุด โรงพยาบาล

 

ห้างสรรพสินค้า และอาคารสำนักงาน และได้มอบหมายนายพิทยา ปราโมทย์วรพันธุ์ เป็นประธานเปิดการอบรม โดยมีผู้เข้าร่วมอบรม 250 คน ซึ่งจะเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่มีความสำคัญในการช่วยส่งเสริมสนับสนุนให้แหล่งกำเนิดมลพิษและผู้ดูแลระบบบำบัดน้ำเสีย มีความเข้าใจในขั้นตอนการปฏิบัติตามกฎหมายสิ่งแวดล้อม และสามารถดูแลปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสียให้ได้ นายปิ่นสักก์ กล่าว