เปิดตำราตั้งรับกันไม่ทันแล้วละครับ สำหรับค่ายญี่ปุ่น เมื่อเจอ EV จีนเข้ามาถล่มตลาดมากกว่า 10 แบรนด์ แถมวันดีคืนดี เฮียเขาอยากจะลดราคาลงมาเป็นแสน ก็ลดมันดื้อๆ เสียอย่างนั้น
สำหรับค่ายรถญี่ปุ่น ชัดเจนครับว่ามีฐานรากซัพพลายเชนมากมายที่ต้องรักษาไว้ พร้อมแผนงานที่ผูกไว้แล้วกับนโยบายภาครัฐ ที่สำคัญ ต้นทุนการทำ EV ของแบรนด์รถญี่ปุ่น ไม่มีทางต่ำกว่าจีน แน่ๆ
ถึงวันนี้ ญี่ปุ่นต้องสู้ด้วยรถไฮบริดต่อไป (ได้แพกเกจสนับสนุนการลงทุนจากบีโอไอ) แถมยังกดราคาต่ำ ซึ่งเราไม่เห็นแล้ว กับการเปิดตัวรถใหม่ แล้วขยับราคาขึ้นเป็นหลักหมื่น หลักแสน บางรุ่นเป็นโฉมโมเดลเชนจ์ จำต้องลดราคาลงด้วยซ้ำ
เช่นเดียวกับรุ่นไมเนอร์เชนจ์ กระตุ้นความสดใหม่กลางอายุโมเดล ที่เดิมแนวคิดคือ ออกแบบกระจังหน้า กันชนใหม่ ปรับไฟใหญ่ เปลี่ยนไฟท้าย ลายล้ออัลลอย เพิ่มฟังก์ชันเล็กน้อย แล้วขยับราคาขึ้นเป็นหลักหมื่น เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้วครับ ทั้งโตโยต้า ฮอนด้า หรือนิสสัน
ล่าสุด Honda HR-V ไมเนอร์เชนจ์ ทำทุกอย่างที่กล่าวมา แต่ในรุ่นเริ่มต้นเกรด E ราคาลดลงไป 8 หมื่นบาท เมื่อเทียบกับการเปิดตัวครั้งแรกเมื่อ 3 ปีก่อน ซึ่งเจเนอเรชันนี้ ฮอนด้า วางขุมพลังไฮบริดทุกรุ่นย่อย โดยเกรด E ราคา 8.99 แสนบาท EL 1.079 ล้านบาท ตัวท็อป RS 1.179 ล้านบาท
อย่างรุ่น E ตอนนี้ เป็นเกรดที่ขายดีที่สุดของ HR-V แต่ฮอนด้าเขายืนยันว่าจะขายราคา 8.99 แสนบาท ไปจนถึงสิ้นปีนี้เท่านั้น ใครตัดสินใจจองปีหน้า 2025 ราคาจะขยับขึ้น 5 หมื่นบาท
ส่วนรุ่นท็อปที่ผมได้ลองขับ Honda HR-V e:HEV RS ราคาเกือบล้านสอง คู่แข่งในตลาดเพียบ ยอดอาจจะอืดๆ ไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนในอดีต ทว่าการเปลี่ยนแปลงดูจะเป็นเรื่องเป็นราวมากที่สุด ของการไมเนอร์เชนจ์ครั้งนี้ (ไม่ขึ้นราคาด้วย)
ไล่ตั้งแต่ กระจังหน้า-กันชนหน้าใหม่ ไฟท้ายรมดำ ล้ออัลลอย 18 นิ้ว ลายใหม่(แต่สีดำเหมือนเดิม) เพิ่มระบบไฟหน้าปรับทิศทางอัตโนมัติ (Adaptive Driving Beam) ระบบไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว (Active Cornering Light) พร้อมเซนเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด
ภายในชุดเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย อัปเกรดช่องเชื่อมต่อ USB เป็น 4 ตำแหน่ง แบ่งเป็น USB Type-C จำนวน 3 ช่อง (ด้านหน้า 1 ช่อง และด้านหลัง 2 ช่อง) และ USB Type-A ด้านหน้า 1 ช่อง ทั้งยัง ออกแบบคอนโซลกลางใหม่ การแบ่งพื้นที่เป็นส่วนบน-ล่าง พร้อมช่องเก็บของและถาดอเนกประสงค์
เอาเป็นว่าฟังก์ชันรวมๆ ถ้าเทียบพวก EV จีนราคาล้านต้นๆ Honda HR-V e:HEV RS ยังเป็นรองจริงๆ แต่ถ้าเรื่องสมรรถนะการขับขี่สมดุลดีกว่ามาก กับขุมพลังไฮบริดที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว (ตัวหนึ่งขับเคลื่อนรถ และอีกตัวเป็นเจเนอเรเตอร์ปั่นไฟ)
โดยหน้าที่ขับเคลื่อนเพลาหน้าจะอยู่ที่มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลัก จึงเกือบจะเป็นไฮบริดแบบซีรีส์เหมือน Nissan Kicks อยู่แล้ว (เครื่องยนต์ปั่นไฟอย่างเดียว) เพียงแต่ระบบฟูลไฮบริดของฮอนด้า ยังมีจังหวะที่เครื่องยนต์ช่วยขับเคลื่อนล้อโดยตรงอยู่บ้าง (โดยเฉพาะการขับความเร็วสูง)
นั่นหมายความว่า Honda HR-V e:HEV บุคลิกการขับขี่ แอบกระเดียดไปทาง EV แล้วละครับ ด้วยแรงบิดของมอเตอร์ไฟฟ้า 253 นิวตัน-เมตร อัตราเร่งดี สัมผัสถึงความกระฉับกระเฉง กับเอสยูวีที่ขนาดไม่เล็ก ไม่ใหญ่จนเกินไป ความยาวเกือบ 4.4 เมตร เหมาะสมกับการใช้งานในเมือง ที่ต้องการความคล่องแคล่ว แต่ยังมีอรรถประโยชน์ เพิ่มความอเนกประสงค์ได้พอสมควร
ช่วงล่างของรุ่น RS เซ็ทให้ต่างจากรุ่นย่อยอื่นๆ เล็กน้อย โดยด้านหน้าแมคเฟอร์สัน สตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง หลังทอร์ชัน บีม สอดคล้องกับล้อ 18 นิ้ว (รุ่นย่อยอื่น 17 นิ้ว) ระยะต่ำสุดจากพื้น 196 มิลลิเมตร การรองรับหนึบแน่น ให้ความมั่นใจเมื่อใช้ความเร็วสูง และ RS เป็นรุ่นย่อยเดียวที่ให้ระบบพวงมาลัยปรับน้ำหนักแปรผันตามความเร็วของรถด้วย
ส่วนอัตราบริโภคน้ำมันจากการขับขี่จริงใช้ความเร็วตามกฎหมายกำหนด ยังทำได้ 19-20 กม./ลิตร สบายๆ
รวบรัดตัดความ... HR-V e:HEV RS เอสยูวีสมรรถนะดี ทั้งช่วงล่าง การควบคุม อัตราเร่งเนียนๆ อัตราบริโภคน้ำมันแบบจิบๆ ยิ่งเน้นขับขี่ในเมืองจะประหยัดมาก แต่นั่นละครับ เมื่อเจอกองทัพจีนตีกระหนาบทุกทิศทาง ฮอนด้าควรจะต้องปรับแนวคิด และโครงสร้างในการทำธุรกิจ เพื่อการต่อสู้ในระยะยาว
รีวิว Honda HR-V ไมเนอร์เชนจ์ : กรกิต กสิคุณ