เปิดยอด “จดทะเบียนรถ “ครึ่งแรกปี 67 ลดฮวบ 3.9 หมื่นคัน

17 ก.ค. 2567 | 16:23 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ก.ค. 2567 | 16:31 น.

“กรมขนส่งทางบก” เปิดยอดจดทะเบียนรถเดือน พ.ค.67 ลดลง 2.55 แสนคัน หดตัว 13.29% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 2.94 แสนคัน ขณะที่ยอดจดทะเบียนรถพลังงานไฟฟ้า แตะ 1.9 หมื่นคัน พบ BYD-TOYOTA ชิงนั่งแท่นรถจดทะเบียนพุ่งอันดับแรก

แหล่งข่าวจากกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กล่าวว่า จากรายงานสถิติการขนส่ง ปีงบประมาณ 2567 มีรถจดทะเบียนใหม่ เดือนพฤษภาคม 2567 จำนวน 255,772 คัน มีอัตราการเปลี่ยนแปลง ลดลง 13.29% หรือ 39,186 คัน เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนในเดือนพฤษภาคม 2566 จำนวน 294,958 คัน แบ่งเป็น

รถจดทะเบียนใหม่ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ จำนวน 249,757 คัน คิดเป็น 97.65% ลดลง 13.13% และรถจดทะเบียนใหม่ตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก จำนวน 6,015 คัน ลดลง 2.35%

และภายในเดือนพฤษภาคม 2567 มีรถจดทะเบียนใหม่พลังงานไฟฟ้า จำนวน 19,561 คัน แบ่งเป็น รถไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) จำนวน 8,068 คัน รถไฟฟ้าไฮบริด (HEV) จำนวน 10,789 คัน รถไฮบริดแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) จำนวน 704 คัน

ขณะเดียวกันพบว่ามีรถจดทะเบียนสะสม ณ 31 พฤษภาคม 2567 จำนวน 44,647,695 คัน แบ่งเป็น รถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ จำนวน 43,268,296 คัน คิดเป็น 96.91% รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล จำนวน 22,697,458 คันคิดเป็น 52.46%

รถยนต์นั่งไม่เกิน 7 คน จำนวน 12,005,043 คัน คิดเป็น 27.75% รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล จำนวน7,087,571 คัน คิดเป็น 16.38% รถแทรกเตอร์ จำนวน 654,497 คัน คิดเป็น 1.51% รถนั่งเกิน 7 คน จำนวน 449,176 คัน คิดเป็น 1.04% รถจักรยานยนต์สาธารณะ จำนวน 126,103 คัน คิดเป็น 0.29%

รถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก จำนวน 1,379,399 คัน คิดเป็น 3.09% โดยเป็นรถบรรทุก จำนวน 1,251,211 คัน คิดเป็น 90.71%และรถโดยสาร จำนวน 127,613 คัน คิดเป็น 9.25%

รถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่จดทะเบียนสะสม ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 635,692 คัน แบ่งเป็น ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ มีจำนวนทั้งสิ้น 632,628 คัน ดังนี้ รถไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) จำนวน 172,265 คัน รถไฟฟ้าไฮบริด (HEV) จำนวน 402,412 คัน รถไฮบริดแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) จำนวน 57,951 คัน

และตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก มีจำนวนทั้งสิ้น 3,064 คัน ดังนี้ รถไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) จำนวน 3,062 คันรถไฟฟ้าไฮบริด (HEV) จำนวน 2 คัน

ทั้งนี้พบว่ามีรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่จดทะเบียนสะสม จำแนกตามยี่ห้อ 5 อันดับแรก ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2567 แบ่งเป็นรถยนต์นั่งไม่เกิน 7 คน ดังนี้

1.BYD จำนวน 43,579 คัน คิดเป็น 36.49% 2.MG จำนวน 21,910 คัน คิดเป็น 18.34% 3.NETA จำนวน 16,332 คัน คิดเป็น 13.67% 4.ORA จำนวน 11,861 คัน คิดเป็น 9.93% 5.TESLA จำนวน 10,886คัน คิดเป็น 9.11%

ด้านรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่จดทะเบียนสะสม จำแนกตามยี่ห้อ 5 อันดับแรก ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2567 โดยเป็นรถนั่งเกิน 7 คน ดังนี้ 1.TOYOTA จำนวน 4 คัน คิดเป็น 20% 2.JOYLONG จำนวน 3 คัน คิดเป็น 15% 3.ADDO จำนวน 2 คัน คิดเป็น 10% 4.FOTON จำนวน 2 คัน 5.HIGER คิดเป็น 10% จำนวน 2 คัน คิดเป็น 10%

รถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่จดทะเบียนสะสม จำแนกตามยี่ห้อ 5 อันดับแรก ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2567 โดยเป็นรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ดังนี้

1.BYD จำนวน 136 คัน คิดเป็น 30.43% 2. FOTON จำนวน 125 คัน คิดเป็น 27.96% 3.TAKANO CARS จำนวน 32 คัน คิดเป็น 7.16% 4.SERES จำนวน 30 คัน คิดเป็น 6.71% 5.MINE จำนวน 29 คัน คิดเป็น 6.49%

 รถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่จดทะเบียนสะสม จำแนกตามยี่ห้อ 5 อันดับแรก ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2567 โดยเป็นรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล ดังนี้

1.deco จำนวน 17,627 คัน คิดเป็น 35.66% 2. LION EV จำนวน 5,310 คัน คิดเป็น 10.74% 3.H SEM MOTOR จำนวน 4,799 คัน คิดเป็น 9.71% 4.AJ EV bike จำนวน 4,056 คัน คิดเป็น 8.21% 5.HNZ จำนวน 2,784 คัน คิดเป็น 5.63%

 แหล่งข่าวจากกรมการขนส่งทางบก ระบุอีกว่า สำหรับรถจดทะเบียนสะสม ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 44,363,975 คัน จำแนกเป็นรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ จำนวน 42,987,036 คัน คิดเป็น 96.90% ของรถจดทะเบียนสะสมทั้งหมด

โดยเป็นรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมากที่สุด จำนวน 22,569,593 คัน คิดเป็น 52.50% รองลงมา คือ รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน จำนวน 11,835,423 คัน คิดเป็น 27.53% และรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล จำนวน 7,106,524 คัน คิดเป็น 16.53% ตามลำดับ

 และรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก จำนวน 1,376,939 คัน คิดเป็น 3.10% ของรถจดทะเบียนสะสมทั้งหมดเป็นรถบรรทุก 1,247,128 คัน คิดเป็น 90.57% และเป็นรถโดยสาร 129,235 คัน คิดเป็น 9.39%

ซึ่งรถบรรทุกส่วนบุคคลมีจำนวนมากที่สุด 827,743 คัน คิดเป็น 60.11% รองลงมา คือ รถบรรทุกไม่ประจำทาง จำนวน 419,385 คัน คิดเป็น 30.46% และรถโดยสารไม่ประจำทาง จำนวน 58,294 คัน คิดเป็น 4.23% ตามลำดับ

 ขณะเดียวกันมีรถจดทะเบียนใหม่ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ จำนวนทั้งสิ้น 2,999,882 คัน เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2565 คิดเป็น 3.78% และปีงบประมาณ 2565 เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2564 คิดเป็น 11.19%

เมื่อพิจารณาตามประเภทรถ พบว่า รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมีจำนวนมากที่สุด คือ 2,075,723 คัน คิดเป็น 69.19%รองลงมา คือ รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน จำนวน 652,560 คัน คิดเป็น 21.75% และรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจำนวน 183,369 คัน คิดเป็น 6.11% ตามลำดับ

ส่วนรถจดทะเบียนใหม่ตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก ปีงบประมาณ 2566 จำนวนทั้งสิ้น 81,592 คันเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2565 คิดเป็น 1.00%

ขณะที่ปีงบประมาณ 2565 ลดลงจากปีงบประมาณ 2564 คิดเป็น 1.81%เมื่อพิจารณาตามประเภทรถ พบว่า รถบรรทุกส่วนบุคคล มีจำนวนมากที่สุด คือ 36,730 คัน คิดเป็น 45.02%

รองลงมาคือ รถบรรทุกไม่ประจ าทาง จำนวน 36,561 คัน คิดเป็น 44.81% และรถโดยสารไม่ประจำทาง จำนวน 4,815 คัน คิดเป็น5.90% ตามลำดับ

ขณะที่จำนวนรถจดทะเบียนใหม่พลังงานไฟฟ้า ปี 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 196,991 คัน เป็นรถไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) จำนวน 100,219 คัน

เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2565 เพิ่มขึ้น 381.43% ส่วนใหญ่เป็นรถยนต์ จำนวน 76,361 คัน คิดเป็นร้อยละ 76.19 รองลงมาคือ

รถจักรยานยนต์ จำนวน 21,927 คัน คิดเป็น 21.885 และรถโดยสาร จำนวน 1,218 คัน คิดเป็น 1.22% ตามลำดับ

ส่วนรถไฟฟ้าไฮบริด (HEV) มีจำนวน 85,069 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 คิดเป็น 32.85% และรถไฮบริดแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) มีจำนวน 11,703 คัน เพิ่มขึ้นจากปีพ.ศ. 2565 คิดเป็น 3.28%

สำหรับรถจดทะเบียนครั้งแรกทั่วประเทศ จำแนกตามยี่ห้อรถ ปีงบประมาณ 2566 เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2565 โดยเป็นรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน จำนวน 630,570 คัน เพิ่มขึ้น 8.26% ดังนี้

1.TOYOTA จำนวน 198,210 คัน เพิ่มขึ้น 14.44% 2.ISUZU จำนวน 99,129 คัน ลดลง 5.29% 3.HONDA จำนวน 89,628 คัน เพิ่มขึ้น 1.06% 4.FORD จำนวน 38,413 คัน เพิ่มขึ้น 58.98%

 5. MITSUBISHI จำนวน 33,409 คัน ลดลง 13.32% 6. MG จำนวน 27,997 คัน ลดลง4.66% 7. MAZDA จำนวน 24,528 ลดลง 32.03% 8. BYD จำนวน 18,354 คัน เพิ่มขึ้น 29,503.23%

 9.NISSAN จำนวน 17,231 ลดลง 21.97% 10.BMW จำนวน 14,184 คัน เพิ่มขึ้น 11.10% 11.อื่นๆ จำนวน 69,487 คัน เพิ่มขึ้น 31.52%

รถจดทะเบียนครั้งแรกทั่วประเทศ จำแนกตามยี่ห้อรถ ปีงบประมาณ 2566 เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2565 โดยเป็นรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน จำนวน 14,829 คัน ลดลง 3.74% ดังนี้

1.TOYOTA จำนวน7,689 คัน ลดลง 12.45% 2 HYUNDAI จำนวน 3,870 คัน ลดลง 0.08% 3.KIA จำนวน 1,304 คัน ลดลง 17.52%

4.NISSAN จำนวน 581 คัน เพิ่มขึ้น 157.08% 5.ISUZU จำนวน 548 คัน เพิ่มขึ้น 43.08% 6.VOLKSWAGEN จำนวน194 คัน เพิ่มขึ้น 4.86% 7.FORD จำนวน 184 คัน เพิ่มขึ้น 327.91%  

8.MERCEDES BENZ จำนวน 173 คัน เพิ่มขึ้น 113.58% 9.SUZUKI จำนวน 102 คัน เพิ่มขึ้น 61.90% 10.MG จำนวน 97 คัน ลดลง 8.49% 11.อื่นๆ จำนวน 87คัน เพิ่มขึ้น 6.10%