ปอร์เช่ ยอดขายปี 2566 ทะลุ 1,400 คัน เปิดตัว Macan EV มี.ค.นี้

ปอร์เช่ เพิ่งฉลองการทำธุรกิจในไทยครบ 30 ปี (เริ่ม พ.ศ. 2536) โดย อนุศักดิ์ อินทรภูวศักดิ์ ประธานกรรมการ นำทีมจัดงานใหญ่ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พร้อมเปิดตัวรถยนต์รุ่นพิเศษ Porsche 911 Carrera GTS ผลิตจำกัด 30 คัน โดยทำขึ้นมาเพื่อประเทศไทยโดยเฉพาะ มี 7 สีให้เลือก ซึ่งนอกจากจะเป็นปีที่ยิ่งใหญ่ในเชิงสัญลักษณ์ทางธุรกิจแล้ว ยอดขายปอร์เช่ ปี 2566 ยังทำได้รวมว่า 1,400 คัน

หลังจากปี 2564 ปอร์เช่เคยทำยอดขายนิวไฮมาแล้วที่ 1,382 คัน ก่อนที่ปี 2565 ยอดขายจะลดเหลือ 1,025 คัน ขณะเดียวกันด้วยยอดขายที่เติบโตต่อเนื่อง (เมื่อก่อนไม่ถึง 1,000 คันต่อปี) ทำให้ เอเอเอส ต้องเปิดรับดีลเลอร์ให้มาช่วยขยายโชว์รูม-ศูนย์บริการอีก 3 แห่ง ที่ฝั่งธนบุรี (ถนนกัลปพฤกษ์) บางนา และชลบุรี

สำหรับยอดขายปอร์เช่กว่า 1,400 คัน ในปี 2566 ถือเป็นจำนวนสูงที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ขณะที่ยอดขายรวมทั่วโลกของปอร์เช่ทำได้ 320,221 คัน โดยโปรดักต์ยอดนิยมที่มีสัดส่วนการขายเกือบ 50% ของรถปอร์เช่ทั้งหมดในไทยคือ เอสยูวี Porsche Cayenne ที่เพิ่งเปิดตัวรุ่นเฟซลิฟท์ หรือไมเนอร์เชนจ์ไปเมื่อปีที่ผ่านมา

ล่าสุด ปอร์เช่ ยังเตรียมเสริมทัพเบบี้เอสยูวี Macan เวอร์ชัน พลังงานไฟฟ้า 100% EV โดยจะเปิดราคาและรับจองในเดือนมีนาคม นี้

Macan EV พัฒนาบนแพลต ฟอร์มใหม่ Premium Platform Electric (PPE) โดยรุ่นมอเตอร์สองตัวผลิตกำลังได้รวม 603 แรงม้า ขับเคลื่อนสี่ล้อ พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนความจุ 95 kWh แรงดัน 800 โวลต์ ชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้งวิ่งได้ระยะทางกว่า 500 กม. ออนบอร์ดชาร์เจอร์ DC รองรับได้ 150 kW ส่วน AC 11 kW

Macan EV จะเปิดตัวในไทย และรับจองตั้งแต่เดือนมีนาคมนี้ก่อนที่โรงงานผลิตปอร์เช่เมือง ไลป์ซิก, เยอรมนี จะเริ่มขึ้นสายการผลิตในเดือนพฤษภาคม จากนั้นรถจะทยอยส่งมอบไปทั่วโลก ส่วนประเทศไทย รถล็อตแรกจะถึงมือลูกค้าตั้งแต่เดือนกันยายน 2566 เป็นต้นไป

อย่างไรก็ตาม Macan EV ที่กำลังจะเปิดตัวใหม่ แต่รุ่นเครื่องยนต์ ICE ทั้งแบบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ และ 6 สูบ 2.9 ลิตร เทอร์โบ (Macan S) ยังทำตลาดควบคู่กันไปอีกสักระยะหนึ่ง

นอกจากสถานการณ์ ปอร์เช่ ยอดขายดีวันดีคืนแล้ว เบนท์ลีย์ รถหรูจากอังกฤษ  ยังทำยอดขายต่อปีได้สูงสุดเช่นกัน

รายงานจาก บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์ อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ว่า ส่งมอบรถเบนท์ลีย์ในปี 2566 ได้จำนวน 69 คัน เพิ่มขึ้นกว่า 40% เมื่อเทียบกับปี 2565 โดยมีสัดส่วนของรถเครื่องยนต์ไฮบริดกว่า 90%

ขณะที่สัดส่วนการขายในแต่ละโมเดลแบ่งเป็น Bentley Flying Spur 53% Bentley Bentayga 38% และ Bentley Continental GT 9%

ทั้งนี้ ยอดขาย Bentley ที่เพิ่มขึ้นในช่วง 2-3 ปีหลัง ส่วนหนึ่งมาจากการเปิดตัวรุ่นปลั๊ก-อินไฮบริด ทั้ง Flying Spur และ Bentayga กับการใช้เครื่องยนต์ V6 ประสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า โดยเอสยูวี Bentayga ราคาเริ่มต้น 13.7 ล้านบาท

ส่วน Flying Spur Hybrid ราคาเริ่มต้น 14.7 ล้านบาท ในปีนี้เตรียมเปลี่ยนจากขุมพลัง V6 เป็น V8 ปลั๊ก-อินไฮบริด และมีโอกาสที่จะขยับราคาสูงขึ้น