รีวิว Lexus ES 300h F Sport ราคา 4.38 ล้านบาท ซึ่งเป็นรุ่นท็อปที่ได้รับการเพิ่มเติมเรื่องสมรรถนะ และการตกแต่งที่โดดเด่น ขณะที่รุ่นเริ่มต้น Luxury ราคา 3.625 ล้านบาท
Lexus ES ถือเป็นรถรุ่นขายดีของแบรนด์รถหรูในเครือโตโยต้าครับ แน่นอนว่าที่ผ่านมาหลายเจเนอเรชัน การพัฒนาก็ยึดโยงกับ Toyota Camry แต่ในเจเนอเรชันที่ 7 นี้ ต้องบอกว่าแยกสายกันเดินอย่างชัดเจน และสะท้อนมาเป็นตัวตนที่ยกระดับ ทั้งด้านสมรรถนะ ความหรูหรา เพื่อสู้กับคู่แข่งจากเยอรมนี ทั้ง Mercedes Benz E-Class, BMW 5 Series และ Audi A6
การพัฒนาบนแฟลตฟอร์ม GA-K ซึ่งจริงๆ ก็นำ TNGA มาต่อยอดให้เนี๊ยบขึ้นไปอีก เช่นพวกจุดเชื่อมต่อ จุดยึดต่างๆ มีรายละเอียดเยอะขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการซับแรง และการให้ตัว ของรถในภาพรวม
ส่วน รีวิว Lexus ES 300h รุ่น F Sport ที่นำมาทดลองขับโดดเด่นไปอีกขึ้นกับ โช้คอัพ Adaptive Variable Suspension (AVS) ควบคุมความหนืด และระดับการรีบาวด์ด้วยระบบไฟฟ้า นั่นทำให้ช่วงล่างและการควบ คุม (พวงมาลัยไฟฟ้าปรับการตอบสนองตามโหมดและสภาพ การขับขี่) ออกแนวนุ่มหนึบ ขับดี นั่งสบาย
โดยการรองรับด้านหน้าเป็นแมคเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังเป็นปีกนก 2 ชั้น ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 235/40 R19 ถือเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้า ที่สมรรถนะเหนือชั้น และก้าวข้ามความเป็น ES เดิมๆ หรือสู้กับรถขับเคลื่อนล้อหลังจากเยอรมนีได้แบบไม่ขัดเขิน
ด้วยการพัฒนาในเชิงโครงสร้าง กลไกล และระบบไฟฟ้า หลอมรวมให้ Lexus ES รุ่น F Sport เป็นซีดานขนาดกลางที่ใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบ เพราะนอกจากสมรรถนะการขับขี่แล้ว ชิ้นงานการประกอบ จากโรงงานมิยาตะ ประเทศญี่ปุ่น ยังปราณีต เรียบหรู แฝงไว้ด้วยอัตลักษณ์ของ Lexus เอาไว้เต็มเปี่ยม
ภาษาการออกแบบ และอารมณ์ของ Lexus ES ต่างออกไปจากรถยุโรปครับ ด้วยความละเมียดละไม ความใส่ใจในรายละเอียดของคนญี่ปุ่น ส่วนฟังก์ชันการใช้งานก็จัดวางตำแหน่งแบบแปลกๆ เช่าปุ่มเลือกโหมดการขับขี่ก็ไปอยู่สูงหลังพวงมาลัย ข้างๆ จอแสดงผล ตลอดจน หน้าจอกลางขนาด 12.3 นิ้ว ระบบสัมผัส และแยกส่วนนาฬิกาแบบเข็มอนาลอก ทรงคลาสสิค เช่นเดียวกับคอนโซลกลางมีปุ่มควบคุมยิบย่อยเต็มไปหมด
ส่วนความแตกต่างของ Lexus ES 300h F Sport กับรุ่นย่อยอื่นๆ คือ ใช้ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว (รุ่นอื่นๆ 18 นิ้ว) กระจังหน้าสีดำ ภายในเพิ่ม Head Up Display ขณะที่โครงเบาะนั่งและวัสดุออกแนวสปอร์ต โดยให้ความรู้สึกแน่นกระชับสไตล์รถสมรรนะสูง นอกจากนี้ยังเสริมโหมดการขับขี่ Sport+ เข้ามาให้อีกหนึ่งโหมด จากปกติที่มีแค่ Eco Normal Sport
สำหรับระบบขับเคลื่อนไฮบริด ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.5 ลิตร วาล์วแปรผัน VVT-iE ฝั่งไอดี และ VVT-i ฝั่งไอเสีย ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวม 218 แรงม้าพร้อมแบตเตอรี่นิเกิลเมทัลไฮดราย สมรรถนะจากจุดหยุดนิ่งไล่ไปจนถึงความเร็ว 100 กม./ชม. ใช้เวลา 8.9 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดทำได้ 180 กม./ชม.
รีวิว Lexus ES 300h F Sport การตอบสนองรวมๆ ทำได้ยอดเยี่ยม ทั้งการออกตัว และอัตราเร่งในย่านความเร็วกลางๆ เรี่ยวแรงสมเหตุสมผลกับรถความยาวเกือบ 5 เมตร และนํ้าหนักตัวระดับ 1.7 ตัน ซึ่งน่าจะเป็นการใช้ระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริดชาร์จไฟฟ้าด้วยตัวเองเป็นเจเนอเรชันสุดท้ายของ ES แล้วละครับ ก่อนที่โฉมใหม่จะขยับไปเป็นปลั๊ก-อินไฮบริด
ด้านอัตราบริโภคนํ้ามันของการ รีวิว Lexus ES 300h F Sport ครั้งนี้ เมื่อขับขี่ทางไกลใช้ความเร็วสูง กรุงเทพ-เชียงใหม่ ผมยังเห็นตัวเลข 15-16 กม./ลิตร
รวบรัดตัดความ...รถนำเข้าจากญี่ปุ่นทั้งคัน ทำให้ราคาแรงไปนิดสำหรับ Lexus ES 300h F Sport แต่ถือเป็นตัวสุดในรุ่น ตัวตึงในตระกูลซีดานขนาดกลางขับเคลื่อนล้อหน้า ศักยภาพการขับขี่เฉิดฉาย ทั้งเรี่ยวแรงจากระบบไฮบริด พร้อมอัตราบริโภคนํ้ามันที่เป็นมิตร (ขับใช้ในเมืองจะประหยัดกว่านอกเมือง) ช่วงล่างนุ่มหนึบ การควบคุมเฉียบขาด ใครเบื่อความจำเจ จากแบรนด์เยอรมัน มาเล่นคันนี้ ประทับใจในสมรรถนะแน่นอน
รีวิว Lexus ES 300h F Sport : กรกิต กสิคุณ