โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย แย้มกลยุทธ์ EV เริ่มชัดเจนในปี 2025

09 ธ.ค. 2564 | 07:37 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ธ.ค. 2564 | 14:46 น.
6.9 k

โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย (ทีเอ็มที) ยืนยันว่าภาพของ EV จะชัดเจนในปี 2025 ตามนโยบายบริษัทแม่ประเทศญี่ปุ่น ที่ประกาศเปิดตัวรถพลังงานไฟฟ้า 100% รวม 15 รุ่น ในอีก 4 ปีข้างหน้า ส่วนไทยนำร่องจากแบรนด์เลกซัส ที่นำเข้าจากญี่ปุ่น ทั้ง Lexus UX 300 e และ Lexus NX ใหม่ ปลั๊ก-อินไฮบริด

ที่ผ่านมาโตโยต้า มักถูกตั้งคำถามถึงการปรับตัว เปลี่ยนเทคโนโลยีจากรถเครื่องยนต์สันดาปภายใน (Internal Combustion Engine-ICE) และรถไฮบริด ไปสู่การขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% EV ว่าช้าเกินไปหรือไม่ ในฐานะบริษัทผู้ผลิตรถยนต์อันดับหนึ่งของโลก ขณะที่การตอบสนองของท่านประธานใหญ่ โตโยต้า มอเตอร์ คอปอร์เรชั่น “อากิโอะ โตโยดะ” ประกาศชัดเจนว่า EV ยังไม่ใช่ทางออกในปัจจุบัน และจำเป็นต้องรักษาฐานการผลิตรถ ICE ซึ่ง หมายรวมถึงรถไฮบริดเอาไว้

Lexus UX 300 e

โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย แย้มกลยุทธ์ EV เริ่มชัดเจนในปี 2025

สำหรับประเทศไทย โตโยต้า เดินตามนโยบายบริษัทแม่ มุ่งการผลิตและทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าประเภทไฮบริด ส่วนเลกซัสที่เป็นรถนำเข้าจากญี่ปุ่นมี EV รุ่นแรกทำตลาดแล้วคือ Lexus UX 300 e เปิดตัวในปี 2563 ด้วยราคา 3.49 ล้านบาท ล่าสุด Lexus NX 450h+ รถปลั๊ก-อินไฮบริด รุ่นแรกของเลกซัส

 

Lexus NX โฉมใหม่เจเนอเรชันที่สอง เปิดตัวในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2021 มีให้เลือกทั้งรุ่นไฮบริดพิมพ์นิยม Lexus NX 350h และปลั๊ก-อินไฮบริด Lexus NX 450h+ ที่ใช้เครื่อง ยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.5 ลิตร กำลังสูงสุด 182 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาทีแรงบิดสูงสุด 227 นิวตัน-เมตร ที่ 3,200-3,700 รอบ/นาที

 

ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าชนิด Permanent Magnet Synchronous Motor ตัวหน้าให้แรงบิดสูงสุด 270 นิวตัน-เมตร และมอเตอร์หลัง แรงบิดสูงสุด 121 นิวตัน-เมตร โดยกำลังรวมทั้งระบบ 304 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 6.0 วินาที พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 18.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง แบ่งการทำตลาด 3 รุ่นย่อย คือ Grand Luxury ราคา 3.59 ล้านบาท Premium ราคา 3.87 ล้านบาท และตัวท็อป F SPORT ราคา 4.32 ล้านบาท

ขณะที่ Lexus NX 350h ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า โดยรุ่น Luxury ราคา 3.24 ล้านบาท และรุ่น Grand Luxury ราคา 3.39 ล้านบาท

 

อย่างไรก็ตาม Lexus UX 300 e รถพลังงานไฟฟ้า 100% EV ที่ชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้งวิ่งได้ระยะทาง 360 กม.ปัจจุบันขายได้เพียง 10 กว่าคัน แต่สำหรับ Lexus NX ใหม่ โตโยต้ามองว่าจะได้การตอบรับที่ดี เพราะมียอดพรีบุกกิ้งก่อนเปิดตัวกว่า 80 คันและพร้อมส่งมอบต้นปี 2565

โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย แย้มกลยุทธ์ EV เริ่มชัดเจนในปี 2025

 

ทั้งนี้ โตโยต้าคาดว่ายอดขาย All new Lexus NX ในปี 2565 จะทำได้ 240 คัน จากยอดรวมเลกซัส ทุกรุ่นในปีหน้าไม่ตํ่ากว่า 600 คัน

 

นายสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ เลกซัส กรุ๊ป บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศ ไทย จำกัด เปิดเผยว่า Lexus  NX 450h+ ปลั๊ก-อินไฮบริด ถือเป็น “สมาร์ท EV” เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนความจุ 18.1 กิโลวัตต์ ชาร์จไฟเต็ม 100% ภายในเวลาเพียง 2 ชั่วโมงครึ่ง (ชาร์จแบบกระแสสลับหัว TYPE2) โดยระบบไฟฟ้าสามารถสร้างความเร็วสูงสุดที่ 135 กม./ชม. และวิ่งในโหมด EV ได้ 87 กิโลเมตร

 

“ถึงแม้ทุกคนจะมุ่งไปที่จุดสุดท้ายคือ BEV ที่วันนี้การใช้งานในกรุงเทพโอเค แต่ภาพรวมของโครง สร้างพื้นฐาน (สถานีชาร์จ) กำลังขยายตัว จึงคิดว่าปลั๊ก-อินไฮบริด (PHEV) มีความน่าสนใจมากกว่า และไม่ต้องกังวลเรื่องสถานีชาร์จ”

 

ส่วนนโยบาย BEV ตามที่บริษัทแม่เคยประกาศไปคือในปี 2025 จะมีรถพลังงานไฟฟ้า 100% อย่างน้อย 15 รุ่น ซึ่งตอนนั้นจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม

ในส่วน Lexus NX 450h+ ขับไปทำงานประจำวัน แทบจะเรียกได้ว่าลูกค้าได้ใช้รถไฟฟ้า BEV เลยทีเดียว (โหมด EV วิ่วได้ 87 กิโลเมตร)ด้วยระบบเครื่องยนต์ไฮบริด ทุกคนจะไร้กังวล ในการเดินทางระยะไกล

 

นอกจากนี้ ลูกค้าที่ซื้อ Lexus NX 450h+ จะได้รับฟรี เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Lexus WallBox พร้อมบริการติดตั้งถึงบ้านมูลค่า 80,000 บาท พร้อมการรับประกันคุณภาพรถยนต์และระบบไฮบริด 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดของรถยนต์เลกซัสทุกรุ่น 10 ปีไม่จำกัดระยะทาง รวมถึงการบริการจากเลกซัส เซอร์วิส คอร์เนอร์ ในศูนย์บริการโตโยต้าที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการด้วยมาตรฐานเลกซัส ทั้ง 15 แห่ง ทั่วประเทศ

Lexus LM

นายสุรศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ยอดขายเลกซัสช่วง 2 ปีที่ผ่านมาไม่ได้ลดลง อย่าง เอ็มพีวี Lexus LM ได้การตอบรับที่ดีมาก ปัจจุบันลูกค้ายังต้องรอรถนานพอสมควร (มีรายงานว่า 4-5 เดือน) และปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายรวมทุกรุ่นไว้ 600 คัน และปีหน้า 2565 จะต้องขายไม่น้อยไปกว่านี้

 

“การตอบรับและภาพลักษณ์ของเลกซัสในไทยดีขึ้นเรื่อยๆ เป็นรถนำเข้าที่มีจุดเด่นเรื่อง สมรรถนะ การเลือกใช้วัสดุคุณภาพเยี่ยม และงานประกอบที่ปราณีต นอกจากนี้ยังมีค่าบำรุงรักษาตามระยะทางตํ่ากว่าแบรนด์ยุโรปถึง 50%” นายสุรศักดิ์ กล่าว