"Youth In Charge"หนุนเยาวชนดัน"ซอฟต์พาวเวอร์"ไทยสู่ระดับโลก

นางสาวเอริกา เมษินทรีย์ เช็น ผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์ม Youth In Charge เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการร่วมกับสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ,เอสซีจี และพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ไทย (Soft Power) ให้ต่างประเทศได้รับรู้ ผ่านการจัดงาน Youth Power ขับเคลื่อน Soft Power

ทั้งนี้ จะเป็นการเฟ้นหาของดีทั่วไทยที่ถูกซ่อนไว้ เพื่อต่อยอดต้นทุนวัฒนธรรมสู่สายตาชาวโลกภายใต้แนวคิดปลดปล่อยพลังเยาวชน รวมพลอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ เปิดพื้นที่สร้างสรรค์ให้เยาวชนคนรุ่นใหม่จากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ได้ร่วมระดมสมองเพื่อขับเคลื่อนและผลักดันศักยภาพที่ซ่อนตัวอยู่ในทุกอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ 

นอกจากนี้ ยังมีการเปิดเวทีกลางให้เยาวชนไทยได้นำเสนอความคิดเห็นถึงกระบวนการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ในมุมมองของคนรุ่นใหม่ ร่วมกับหน่วยงานจากภาครัฐและภาคเอกชนที่มีบทบาทในการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ 

นางสาวเอริกา กล่าวอีกว่า เยาวชนคือกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ของไทย ดังนั้นการพัฒนาศักยภาพของคนรุ่นใหม่ให้มีทักษะความรู้ สามารถนำซอฟต์พาวเวอร์ไปต่อยอดในเชิงธุรกิจและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของเมืองไทย จะเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของการพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ที่ช่วยผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืน

สำหรับ Youth In Charge (YIC) นั้น ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2564 เป็นแพลตฟอร์มเพื่อพัฒนาศักยภาพความเป็นผู้นำและสร้างเวทีแห่งโอกาสให้กับเยาวชนไทย โดยผนึกกำลังกับภาคีพันธมิตร ทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และเครือข่ายสถาบันการศึกษา ในการสร้างพื้นที่ให้กับเยาวชนจากทั่วประเทศได้มีโอกาสพบปะ แลกเปลี่ยน เรียนรู้ และทำงานร่วมกัน เพื่อเพิ่มทักษะความรู้ต่าง ๆ นอกรั้วสถาบันการศึกษา และเป็นส่วนร่วมที่สำคัญในการออกแบบและพัฒนาอนาคตของประเทศ 

“Youth In Charge เชื่อว่าเยาวชนควรมีบทบาทนำหรือร่วมนำการออกแบบอนาคตตั้งแต่วันนี้ โดยเฉพาะเยาวชนผู้ที่เกิดและเติบโตอยู่ในพื้นที่ หากมองเห็นคุณค่าของท้องถิ่น และสามารถแปลงคุณค่าของวัฒนธรรม ความเชื่อ และทรัพยากรในท้องถิ่นที่มีอยู่แล้วไปเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ สร้างอาชีพและรายได้ได้จริง เยาวชนจะกลายเป็นผู้นำการขับเคลื่อนในระดับท้องถิ่น หรือ Local Drivers ต่อไป จึงนำมาสู่แคมเปญ Youth Power ขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์” 

อย่างไรก็ดี งาน Youth Power ขับเคลื่อน Soft Power จะขึ้นไปจนถึงวันที่ 17 ธ.ค. 66 ที่หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร (BACC)