ส่องมุมมอง ปม "ครูกายแก้ว" ความเชื่อ-ศรัทธา อย่างมีสติ

17 ส.ค. 2566 | 05:15 น.
620

"ครูกายแก้ว" ส่องมุมมองความเชื่อ ความศรัทธา การบูชา อย่างมีสติ พร้อมไขข้อเท็จจริงที่มาที่ไปทางประวัติศาสตร์

ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เชื่อเหลือเกินว่าหลายคนได้ยินได้ฟังหรือได้เห็นคำว่า "ครูกายแก้ว" ผ่านหูผ่านตากันมาบ้าง ซึ่ง "ครูกายแก้ว" ทำไมถึงเป็นที่พูดถึงกันมาก แล้วทำไมถึงฮอตฮิตติดเทรนด์ วันนี้ "ฐานเศรษฐกิจ" จึงขอรวบรวมข้อมูลมานำเสนอดังนี้ 

 

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2566 เกิดเหตุการณ์รถขนย้ายรูปปั้นขนาดสูงกว่า 5 เมตร ติดสะพานลอยคนข้าม ย่านถนนรัชดาภิเษก โดยการขนย้ายครั้งนั้นจุดหมายปลายทางอยู่ที่โรงแรมเดอะบาซาร์ รัชดาภิเษก (แยกรัชดา-ลาดพร้าว) แต่เมื่อถึงจุดเกิดเหตุส่วนหัวของรูปปั้นได้ติดกับสะพานลอย และนั่นจึงเหมือนจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลายคนเกิดความสงสัยเกี่ยวกับรูปปั้นดังกล่าวว่าคือรูปปั้นอะไร 

 

แน่นอนว่าชาวเน็ตไม่ต้องรอนาน เพราะหลังเกิดเหตุไม่กี่ชั่วโมง ก็ได้รับรู้กันว่ารูปปั้นที่ติดสะพานลอยนั่นก็คือ "ครูกายแก้ว" ที่เหล่าลูกศิษย์ลูกหาเล่าขานกันว่าเป็นพ่อใหญ่ บรมครูผู้เรืองเวทย์ ผู้ช่วยให้ ชีวิตสัมฤทธ์ สำเร็จ เจริญรุ่งเรือง ซึ่งการขนย้ายดังกล่าวก็เพื่อจะนำรูปปั้นไปตั้งด้านหน้าโรงแรมเดอะบาซาร์ ก่อนจะมีการจัดงานบวงสรวงใหญ่ในวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา 
 

ชื่อของครูกายแก้วถูกพูดถึงอีกครั้ง หลังจากที่โซเซียลแห่แชร์ข้อมูลเกี่ยวกับการนำสัตว์ อาทิ ลูกหมา ลูกแมวไปบูชายัญ โดยกล่าวอ้างถึงเลือดบริสุทธิ์ ซึ่งกรณีนี้เองทำให้กลุ่มคนรักสัตว์ออกมาแสดงความคิดเห็นและต่อต้านในพิธีกรรมดังกล่าว รวมไปถึงลูกศิษย์ลูกหาบางส่วนที่เคารพศรัทธาครูกายแก้ว ก็ออกมาแสดงความคิดเห็นในเชิงที่ไม่เห็นด้วย และ เชื่อว่าไม่น่าจะเป็นเรื่องจริงแต่อย่างใด 

 

ขณะที่ ณัฐวุฒิ รัตนสุข ผู้ก่อตั้งเทวลัยพระพิฆเนศบางใหญ่ ซึ่งภายในเทวลัยมีรูปปั้นครูกายแก้ว ได้บอกเล่าบางส่วนบางตอนเกี่ยวกับการไหว้บูชาครูกายแก้ว โดยระบุว่า "ห้ามนำของสดไปไหว้บูชาครูกายแก้ว ให้นำแต่ผลไม้ ดอกไม้ขนมหวาน หรือทองคำไปไหว้สักการะเท่านั้น" 

 

ทั้งนี้่จากการตรวจสอบข้อมูลผ่านเว็บไซต์"ครูกายแก้ว" ได้ระบุเกี่ยวกับการถวายเครื่องราชบรรณาการต่างๆแด่ครูกายแก้ว มีดังนี้  อารตีไฟ ,ผ้าสไบ ,ธูปมังกร ส่วนสิ่งที่ครูกายแก้วทรงโปรดปราน ได้แก่ ทอง ,น้ำหอม ,มะพร้าวน้ำหอม ,ขนมกุยช่าย ,ผลไม้และขนมหวานไทย ,มะม่วงกวน ,ขนมครก ,ดอกไม้กลิ่นหอม และ ดอกไม้ 7 สี
 

อีกจุดหนึ่งที่ทำให้ชื่อของครูกายแก้ว ถูกพูดถึงนั่นก็คือ เรื่องราวประวัติศาสตร์ที่มาที่ไป ซึ่งบางแหล่งข้อมูลบอกเล่าว่า  ครูกายแก้วเป็นครูบาอาจารย์ของพระเจ้าชัยวรมันที่เจ็ด  เกี่ยวกับเรื่องนี้เอง ก็ได้มีนักวิชา กูรู นักประวัติศาสตร์หลายคนออกมาแสดงความคิดเห็นกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งมุมมองของแต่ละคนจะนำเสนอ จะสะท้อนออกมาในรูปแบบไหนนั้น "ฐานเศรษฐกิจ"รวบรวมมานำเสนอดังต่อไปนี้ 

ศ.ธงทอง ตั้งคำถาม บูชารูปปั้นนี้จะเป็นสวัสดิมงคลอย่างไร 

ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Tongthong Chandransu"เกี่ยวกับกรณีครูกายแก้ว โดยเนื้อหามีดังต่อไปนี้ 

 

ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ปรากฏข่าวเรื่อง ครูกายแก้ว ว่าเป็นรูปเคารพที่ได้รับความนับถือในหมู่คนจำนวนหนึ่ง นัยว่าครูกายแก้วนี้เป็นครูบาอาจารย์ของพระเจ้าชัยวรมันที่เจ็ด ซึ่งข้อมูลส่วนนี้ผมยังไม่เคยเห็นหลักฐานยืนยันได้แน่นอนว่าเล่าลือกันมาจากที่ไหน

 

ความเลื่อมใสในเรื่องอย่างนี้แม้ไม่ผิดกฎหมาย แต่สามารถบ่งบอกถึงความไม่มั่นคงทางจิตใจของสมาชิกในสังคมได้ในระดับหนึ่ง และถ้าไม่เกรงใจกันแล้วก็ต้องบอกว่าเป็นระดับที่สูงมากเสียด้วย

 

รูปอะไรก็ไม่รู้ที่กราบไหว้กันอยู่นี้ มองในทางศิลปะก็สอบไม่ผ่านแน่ จะว่าเป็นมนุษย์ก็เห็นจะไม่ใช่ จะเป็นสัตว์ก็ไม่เชิง ผมยังนึกไม่ออกว่าการไปบูชารูปปั้นอย่างนี้จะเป็นสวัสดิมงคลได้อย่างไร แถมเกรงว่าจะเกิดผลตรงกันข้ามเสียด้วยซ้ำ

 

สำหรับประเพณีบ้านเมือง สถานการณ์อย่างนี้คล้ายกับที่คนแต่โบราณท่านพูดว่า ผีป่าก็จะวิ่งมาสิงเมือง ยิ่งนัก เฮ้อ!

 

ไพศาล ย้ำครูกายแก้วไม่ใช่อาจารย์ของพระเจ้าสุริยะวรมัน 
ขณะที่นายไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก"Paisal Puechmongkol"เกี่ยวกับครูกายแก้ว โดยมีเนื้อหาระบุว่า 

สิ่งที่กำลังหลอกลวงให้ไขว้เขวกันอยู่!!!
ครูกายแก้ว ไม่ใช่เทพอสูร
เพราะเทพอสูร คือยักษ์ ที่ได้บำเพ็ญปฏิบัติธรรม จนบรรลุธรรมขั้นสูง คือชั้นพรหม จึงได้ชื่อว่า เป็นเทพอสูร เช่นท้าวลัสเตียน ซึ่งเป็นบิดาของทศกัณฐ์เป็นต้น ภูมิธรรมชั้นพรหมนี้ คือภูมิธรรมชั้นเดียวกันกับท้าวกบิลพรหม ซึ่งเป็นบิดาของนางสงกรานต์ทั้งเจ็ด
ครูกายแก้วไม่ใช่มนุษย์ และไม่ใช่คนธรรพ์ ซึ่งอยู่ในภพภูมิที่สูงกว่า ผีเปรตอสุรกาย 
และไม่ใช่บรมครูผู้ขมังเวทย์ 
แต่ท่านเป็นอสูรกาย ที่มีชาติภพภูมิเดิมเป็นนก
ท่านไม่ใช่อาจารย์ของพระเจ้าสุริยะวรมัน ของขอมโบราณเลย
บทสวดมนต์และคาถาที่ใช้ในวันนั้น เป็นบทบิดเบือนบทสวดในศาสนาพุทธ จนวิปริตไปสิ้น
บทที่สวดอัญเชิญ แท้จริงก็คือบทชุมนุมเทวดา ซึ่งชาวพุทธจะคุ้นเคย เวลาพระจะเริ่มสวดพระปริตร ก็จะมีพระที่นั่งลำดับที่ 3 สวดบทชุมนุมเทวดาที่ขึ้นต้นด้วยสัคเคกาเมจะรูเป... ซึ่งแปลว่าบัดนี้เป็นเวลาฟังธรรมแล้ว ขอเชิญเหล่าเทพทั้งหลาย( ไม่ได้เชิญพวกอสูรกาย เพราะพวกนี้ไม่ฟังธรรม) ฟังธรรมของพระบรมศาสดาเถิด นี่ไม่ใช่บทอัญเชิญครูกายแก้วที่ใช้สวดในวันนั้น!!!
เหตุที่ต้องสวดชุมนุมเทวดาก็เพราะ เทวดามาขอพรไว้ว่า อยากฟังธรรม ขอจงมีความเอื้อเฟื้อแก่เทวดาทั้งหลายให้ได้มีโอกาสฟังธรรมด้วย
ลักษณะของอสุรกายนี้ พวกกรีกได้สร้างเป็นภาพขึ้นมานานแล้ว ไม่ใช่คติภาพนิยมของพราหมณ์อินเดียใต้หรือของขอมโบราณแต่ประการใด!!!
ต้องถามกรุงเทพมหานครว่า ถ้าประชาชน มีความหวาดกลัว หรือเกรงอัปมงคล หรือภัยพิบัติ แล้วจะให้ทำอย่างไร เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ของกรุงเทพมหานคร
ได้แต่นึกสังเวชพวกนักการตลาดวิปริต ที่คิดวิปริต ต่างๆนานาได้มาก แท้จริงก็ต้องการหลอกคนจีน มาลงทุนในย่านนี้และ หลอกขายรูปบูชา ให้แก่ผู้ที่โง่เขลาเบาปัญญา
แล้วคำนึงถึงอาเพศเหตุอัปมงคลที่จะบังเกิดในบ้านเมืองไหมนี่
ท่านใดมีใจหวาดกลัว ก็จงอาราธนาพระสงฆ์สวดพระปริตร และเพิ่มด้วยบทสวดถอนพัทธสีมาเถิด


พระพยอม เตือน ไม่ว่าจะเชื่ออะไรก็อย่าเชื่อแบบหัวปักหัวปำ เชื่อไปศึกษาไป จนเกิดสติปัญญา 

พระพยอม กัลยาโณ ได้ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับครูกายแก้ว โดยระบุว่า จากกรณีดังกล่าว ยอมรับว่าประเทศไทย ความมั่นคง ความแน่วแน่ในพระรัตนตรัย เริ่มแกว่ง เห็นอะไรก็จะกราบไหว้ ตั้งแต่ จตุคามรามเทพ ไอ้ไข่ ส้มฉุน ฯลฯ มีการปั้นอวัยวะเพศตายาย ออกมากราบไหว้

 

"อยากจะฝากให้คนไทย มาดูที่วัดสวนแก้ว สมัยพระพุทธเจ้าดับขันธ์ใหม่ๆ ยังไม่ได้ทำรูปปั้น พระพุทธเจ้าเรียนจนตรัสรู้ เรียน 18 ศาสตร์ เรียนในป่าอีก 6 ปี เขาเลยทำรูปเสมาเพื่อมากราบไหว้"

 

กระทรวงศึกษาธิการ จึงนำรูปเสมามา มาเป็นโลโก้ เพื่อให้กราบไหว้ ความใฝ่รู้ ไม่ใช่กราบรูปผี รูปคน รูปยักษ์ รูปมาร ทำรูปปั้นตรีรัตน เพื่อให้รู้ว่าคำสอนของพระพุทธองค์เหมือนศาสตรา 3 อัน ไว้ฟาดฟันกับโจรฉกรรจ์ 3 ก๊ก (โลภ โกรธ หลง) ต่อมาทำรูปธรรมจักร เพื่อบทขยี้ทุกข์ให้เหล่ามนุษย์ สุดท้ายกราบไหว้พระพุทธองค์ในฐานะที่ไม่ยึดมั่น ถือมั่น แม้เป็นลูกกษัตริย์

 

ส่วนรูปที่เขาปั้นความหมายลึกซึ้ง สวยงาม ดูแล้วสบายตาสบายใจ ยุคสมัยนี้คนไทยเป็นแบบนี้อยากให้อาจารย์ที่เชี่ยวชาญทางประวัติศาสตร์ และหนักแน่นในพุทธศาสตร์ ช่วยมาให้สติคนไทย เพราะอีกไม่นานจะได้เงินเป็นพันล้าน หมื่นล้าน จากครูกายแก้ว โดยขณะนี้เห็นมีการถ่ายทำรูปภาพ ครูกายแก้ว เล็กๆ ใหญ่ๆ เตรียมจำหน่ายกันแล้ว ใครไม่อยากเป็นเหยื่อ ความเชื่อนี้ไม่เกิน 6 เดือน ถึง 1 ปี เดี๋ยวก็จะหายไปเหมือนจตุคามรามเทพ ไอ้ไข่ ส้มฉุน  ถ้าภายใน 6 เดือน ถึง 1 ปี ตนจะไม่วิพากษ์วิจารณ์สายมูอีกต่อไป เป็นเรื่องของความเชื่อ ตนไม่อยากไปทะเลาะกับคนที่มีความเชื่อ อยากให้ศึกษากัน ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ 

 

แต่ถึงเชื่อก็ต้องเรียนรู้ให้ชัดเจนว่า จะเชื่อผิดหรือถูก ได้ผลหรือไม่มีผลตอบแทน เชื่อแล้วทุกข์ไม่เกิด  ส่วนเรื่องบูชายัญไม่รู้สรุปเป็นเทพหรือเป็นอะไร มาต้องการเรื่องหมาแมวบูชายัญ อะไรก็อ้างเทพ อย่าไปหลงคำว่า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ เพราะถ้าเชื่อแล้ว จะต้องมีเหตุผล อยากให้คิดกันเอาเอง ศึกษาข้อมูล นิสัยคนไทยเห็นอะไรก็ตีเป็นเลขเป็นหวย ขอฝากสั้นๆ ไม่ว่าจะเชื่ออะไรก็ตามอย่าเชื่อแบบหัวปักหัวปำ เชื่อไปศึกษาไป จนเกิดสติปัญญา