ไทยออยล์ ติดตั้งโซล่า รูฟท็อป โรงพยาบาลแหลมฉบัง ช่วยประหยัดงบพลังงาน

07 ก.ค. 2565 | 12:13 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ก.ค. 2565 | 19:43 น.

กลุ่มไทยออยล์ เตรียมส่งมอบระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาให้โรงพยาบาลแหลมฉบัง ช่วยประหยัดงบด้านพลังงาน เพื่อนำผลประหยัด ต่อยอดพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ประชาชน

นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เพื่อสนับสนุนการอนุรักษ์พลังงานและลดภาระค่าใช้จ่ายด้านกระแสไฟฟ้าให้โรงพยาบาลเป้าหมาย ไทยออยล์ ได้ดำเนินการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดกำลังการผลิต 80.24 กิโลวัตต์ ให้กับโรงพยาบาลแหลมฉบัง โดยโรงพยาบาลฯ สามารถนำผลประหยัดค่าไฟฟ้ามาดำเนินโครงการต่อยอดสร้างประโยชน์กับสังคม และเพิ่มความสามารถในการให้บริการทางการแพทย์ ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน ทั้งเป็นการส่งเสริมให้โรงพยาบาลใช้พลังงานทางเลือก ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วย  

นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)

โดยผลประหยัดด้านกระแสไฟฟ้าที่เกิดขึ้นจากระบบโซล่าเซลล์ ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ทำให้โรงพยาบาลประหยัดค่าไฟฟ้าประมาณ 4 แสนบาท สามารถนำไปจัดซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็นช่วยเหลือกลุ่มผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษากายภาพบำบัดในโครงการธนาคารอุปกรณ์ทางการแพทย์และศูนย์ซ่อมบำรุงดัดแปลงอุปกรณ์เครื่องช่วยความพิการ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางในการดูแลผู้พิการในระดับอำเภอ ที่สามารถมาขอรับบริการ ยืม เปลี่ยนอะไหล่ หรือซ่อมบำรุงและจัดซื้ออุปกรณ์สำหรับผู้พิการ เช่น เตียง รถเข็น อุปกรณ์ช่วยพยุง เครื่องผลิตออกซิเจน เครื่องดูดเสมหะ เป็นต้น เพื่อให้คนไข้ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ถือเป็นการแบ่งเบาภาระด้านงบประมาณของทางโรงพยาบาล และเป็นการเพิ่มทางเลือกในการรักษาของคนไข้อีกด้วย

โครงการนี้ถือเป็นกลยุทธ์ในการดำเนินกิจกรรมด้านความรับผิดชอบต่อสังคม ภายใต้แนวคิด “Sustainable Energy for Health Care” โดยการติดตั้งระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับโรงพยาบาลและหน่วยงานสาธารณสุขต่างๆ ซึ่งทางบริษัทฯได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เช่น โรงพยาบาลเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี โรงพยาบาลธัญญารักษ์ จังหวัดแม่ฮ่องสอน และศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านห้วยตง จังหวัดนครศรีธรรมราช

ไทยออยล์ ติดตั้งโซล่า รูฟท็อป โรงพยาบาลแหลมฉบัง ช่วยประหยัดงบพลังงาน

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้นำความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ของบุคลากรมาบริหารจัดการในเรื่องเทคนิคการออกแบบและติดตั้ง รวมถึงเรื่องของระบบการตรวจสอบ ให้ตรงกับความต้องการของโรงพยาบาล สามารถลดค่าใช้จ่าย นำผลประหยัดจากค่าไฟฟ้ามาต่อยอดช่วยเหลือพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ให้ได้รับโอกาสในการรักษา ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการใช้พลังงานทางเลือกช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กันด้วย

นายแพทย์ราเมศร์ อำไพพิศ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแหลมฉบัง กล่าวว่า ไทยออยล์ได้จัดทำโครงการต่างๆ อาทิ ศูนย์สุขภาพและการเรียนรู้ไทยออยล์ เพื่อดูแลสุขภาพอนามัย โครงการเวชศาสตร์ชุมชน และจัดสร้างอาคารอุบัติเหตุและฉุกเฉินให้กับโรงพยาบาลแหลมฉบัง ล่าสุด โครงการติดตั้งระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อนำผลประหยัดมาใช้ประโยชน์ต่อสุขภาพของชุมชน พัฒนาคุณภาพชีวิต ช่วยเสริมงบประมาณที่โรงพยาบาล ได้รับในการดำเนินโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม ทำให้โรงพยาบาลสามารถขยายผลการดูแลคนไข้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดภาระคนดูแลผู้ป่วย และทำให้ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวเองและกลับมาใช้ชีวิตปกติได้เร็วขึ้น ถือว่าเป็นโครงการที่แก้ไขปัญหาและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้อย่างเป็นรูปธรรม 


ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะขาดโอกาสเข้าถึงการรักษาไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าใช้จ่าย และการเดินทาง เช่น รายนี้เป็นชายไทยอายุ 46 ปี มาโรงพยาบาลด้วยอาการเวียนศีรษะ  แขนขาอ่อนแรงทั้งสองข้าง รักษาตัวในโรงพยาบาล 7 วัน แต่มีปัญหาการทรงตัวในท่ายืน ทางโรงพยาบาลจึงให้การรักษาด้วยการกายภาพบำบัด ซึ่งต้องทำต่อเนื่อง แต่ผู้ป่วยมีปัญหาในการเดินทางที่จะเข้ามารับการฝึกกายภาพบำบัด ทางโรงพยาบาลจึงมอบอุปกรณ์ช่วยเดินเป็นไม้เท้า 4 ขา ที่ได้รับการสนับสนุนจากโครงการนี้ มาใช้เป็นอุปกรณ์ในการช่วยฝึกยืนและเดิน หลังออกจากโรงพยาบาลได้  1เดือน แพทย์ประเมินแล้วอาการดีขึ้น สามารถยืนทรงตัวและเดินโดย ใช้อุปกรณ์เป็นไม้เท้า 4 ขาได้ดีขึ้น 

 

“ไม้เท้า 4 ขา ที่ได้รับมานี้มีประโยชน์อย่างมาก ช่วยฝึกทรงตัว ต้องขอบคุณโครงการนี้ที่ให้โอกาสเข้าถึงการรักษาทำให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น”

 

โครงการต่อยอดนำผลประหยัดจากการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับโรงพยาบาลแหลมฉบังในครั้งนี้ นับได้ว่าเป็นประโยชน์ทั้งในเรื่องของสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ทั้งนี้ยังเป็นการแบ่งเบาภาระด้านงบประมาณของทางโรงพยาบาล และเป็นการเพิ่มทางเลือกใหม่ในการรักษาของคนไข้ได้ดีเพิ่มมากขึ้นด้วย