12 ที่เที่ยวกาญจนบุรี อัพเดทจุดใหม่ ไหว้พระ เช็คอินรับปีใหม่ 2566

25 ธ.ค. 2565 | 13:57 น.
อัปเดตล่าสุด :25 ธ.ค. 2565 | 22:29 น.
22.6 k

12 ที่เที่ยวกาญจนบุรี ต้อนรับวันหยุดยาวช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 อัพเดทจุดใหม่ ทั้ง ไหว้พระ ทำบุญ เช็คอิน หรือชมจุดถ่ายรูปใหม่ ๆ รวมไว้ครบที่นี่

วันหยุดยาวช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 ใครไม่อยากไปไหนไกล แวะมาเลยที่ "จังหวัดกาญจนบุรี" มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย ทั้งไหว้พระ ทำบุญ เช็คอิน หรือชมจุดถ่ายรูปใหม่ ๆ ทั้งไทยโบราณ ฟิลเกาหลี ญี่ปุ่น ไว้ลงโซเชียล ส่วนสายสโลว์ไลฟ์อยากเที่ยวเพลิน ๆ ชมธรรมชาติ ป่า เขา น้ำตก มาเลยที่นี่มีครบ 

 

“ฐานเศรษฐกิจ” รวบรวมจุดไฮไลท์ 12 ที่เที่ยวกาญจนบุรี อัพเดทจุดใหม่สามารถเที่ยวได้ทั้งปี มีที่ไหนบ้าง ไปติดตามชมกัน

 

1. วัดถ้ำคีรีธรรม

 

เริ่มต้นจุดแรกขอชวนสายบุญ สายมูห้ามพลาด เข้ามาสักการะองค์ปู่นิลกาฬนาคราช พญานาคตระกูลกัณหาโคตมะ (ตระกูลสีดำ) และแม่ย่ากัญญาวดี แห่งวัดถ้ำคีรีธรรม ว่ากันว่า ผู้ที่เดินทางมาถึงที่นี่แล้วได้หราบไหว้สักกระขอขอพรแล้ว มักประสบความสำเร็จ มีโชคมีลาภกลับไปหลายรายแล้ว อันนี้ก็แล้วแต่ความเชื่อส่วนบุคคลนะจ๊ะ

 

วัดถ้ำคีรีธรรม

 

สำหรับการเดินทางมายังวัดนี้ ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรีนิดเดียวแค่ 18 กม. โดยวัดตั้งอยู่ตำบลหนองหญ้า อำเภอเมือง ชมวิวสบาย ๆ ไม่นานก็ถึงตัววัด สามารถสักกระสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ภายในวัด ก่อนเดินทางขึ้นเขาเพื่อไปยังถ้ำ เพื่อชมบารมีและความศักดิ์สิทธิ์ขององค์ปู่นิลกาฬ

 

อย่างไรก็ตามในวันอาทิตย์ ที่ 1 พฤษภาคม 2565 ทางวัดถ้ำคีรีธรรม มีความยินดี เชิญลูกศิษย์ยานุศิษย์และบุคคลทั่วไป ร่วมงาน บวงสรวงองค์ท้าวเวสสุวรรณ จำนวน 4 องค์ และเข้าร่วมพิธีสวดภาณยักษ์ใหญ่ด้วย  

 

ติดตามข้อมูล : เพจ วัดถ้ำคีรีธรรม ตำบลหนองหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 093 361 5694

2. วัดเขาสูงแจ่มฟ้า

 

อีกหนึ่งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ต้อนรับการเดินทางสายบุญ ตั้งอยู่ตำบลเขาสามสิบหาบ อำเภอท่ามะกา โดยวัดเขาสูงแจ่มฟ้าเริ่มก่อสร้างสำนักสงฆ์เมื่อ ปี 2522 ก่อนได้รับการแต่งตั้งประกาศวัดขึ้นทะเบียนในพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2558 มีพระครูวินัยธรเกียงไกร ติกุขวิริโย พงษ์ธนจิรายุส เป็นเจ้าอาวาสรูปแรกจนถึงปัจจุบัน 

 

วัดได้ดำเนินการก่อสร้างอุโบสถเมื่อ พ.ศ. 2550 แล้วเสร็จ พ.ศ. 2559 รวมระยะเวลา 9 ปี ปูชนียวัตถุและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญ มีพระพุทธรูปองค์ดำปาฏิหาริย์ พระประธาน พระพุทธไสยาสน์ พระนอนองค์ใหญ่ หลวงปู่ทวด พระพิฆเนศ พระโพธิสัตว์กวนอิม และพญาธนบดีนาคราช วัดแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่ตั้งอยู่บนจุดที่สูงที่สุดของอำเภอท่ามะกา มีสกายวอล์กยื่นออกไปชมทิวทัศน์ 

 

วัดเขาสูงแจ่มฟ้า

 

จุดไฮไลท์ของวัด ยังมีการจัดสร้างเสาโทริอิสีแดงแบบวัดญี่ปุ่น ซึ่งนักท่องเที่ยวมักมาถ่ายรูปกัน เรียกว่ามาวัดไทยครังเดียวเหมือนได้ฟิลไปเที่ยววัดญี่ปุ่นด้วยไปในตัว

 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 093-2268-345 / 089-0429-799

3. วัดถ้ำเสือ 

 

ตั้งอยู่ที่ตำบลม่วงชุม อำเภอ ท่าม่วง วัดถ้ำเสือ ก่อตั้งในปี 2514 โดยพระครูสิทธิวิมล ภายในวัดมีพระพุทธรูปปางประทานพรขนาดใหญ่ประดิษฐานอยู่บนเนินเขา พร้อมพระอุโบสถอัฏฐมุขทรงไทยประดับลวดลายสวยงามและเจดีย์เกษแก้วมหาปราสาทสูง 69 เมตร กว้าง 29 เมตร โดยจากเนินเขาสามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของทะเลสาบและเขื่อนวชิราลงกรณ การขึ้นเนินเขานอกจากมีบันไดแล้วยังมีรถรางไฟฟ้าบริการ

 

วัดถ้ำเสือ 


วัดถ้ำเสือ เปิดให้นักท่องเที่ยวและประชาชนเยี่ยมชมและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกวัน (วันจันทร์-วันศุกร์ระหว่างเวลา 07.30 - 16.30 น.) (วันเสาร์-วันอาทิตย์ระหว่างเวลา 07.00 - 17.30 น.) ค่าบริการรถรางไฟฟ้า ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 20 บาท 

 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 034-655383

 

4. วัดถ้ำเขาน้อย 

 

เป็นวัดที่อยู่ติดกันกับวัดถ้ำเสือ แต่มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่แตกต่างกัน เป็นวัดเก่าแก่ที่มีประวัติความเป็นมากว่า 130 ปี และเป็นหนึ่งในสองวัดญวนในจังหวัดกาญจนบุรี วัดหนึ่งคือวัดถาวรวราราม ที่อยู่ในตัวเมือง อีกวัดนึงคือวัดถ้ำเขาน้อย ที่มีสถาปัตยกรรม และศิลปกรรมเป็นแบบจีนที่งดงาม เรียบง่าย ตามแบบของศาสนาพุทธนิกายมหายาน ตามที่ชาวญวนนับถือ สามารถเข้าเที่ยวชม สักการะเทพเจ้า และพระบรมสารีริกธาตุได้ทุกวัน

 

วัดถ้ำเขาน้อย 

 

ไฮไลท์วัดถ้ำเขาน้อย เป็นพระเจดีย์ทรงเก๋งจีน ตั้งตระหง่านเคียงคู่กับพระเจดีย์เกศแก้วปราสาท อย่างสวยงาม ภายในวัดถ้ำเขาน้อยมีสิ่งที่น่าสนใจ ทั้งพระพุทธรูปจีนแบบต่าง ๆ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร หรือเจ้าแม่กวนอิม ท้าวจตุรบาลที่คอยคุ้มครองสถานที่ โดยสามารถเดินขึ้นมาชมทิวทัศน์ที่วัดถ้ำเขาน้อยได้ด้วย 

 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 081-3120765

 

5. วัดวังก์วิเวการามเดิม (โบสถ์จมน้ำ) วัดหลวงพ่ออุตตมะ

 

วัดใต้น้ำ หรือวัดจมน้ำ คือ วัดวังก์วิเวการามเดิม ซึ่งกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ถือว่าเป็น Unseen Thailand เพราะมีความแปลกที่มีซากโบราณสถานจมอยู่ใต้น้ำ เป็นสถานที่เล่าขานถึงตำนานความเป็นมาของวัดหลวงพ่ออุตตมะ จนหลายคนเรียกกันว่าเมืองบาดาล

 

กิจกรรม นมัสการสังขารของหลวงพ่ออุตตมะ นมัสการหลวงพ่อขาว นมัสการเจดีย์พุทธคยาจำลอง ชมพระอุโบสถหลังเก่าที่จมอยู่ใต้น้ำ ชมสะพานมอญและทัศนียภาพบริเวณสามประสบในช่วงหน้าแล้ง ช่วงเดือนมีนาคม - พฤษภาคม น้ำในแม่น้ำลดลงมากจนสามารถเดินเข้าไปในโบสถ์เก่าได้ สิ่งที่เหลือไว้ให้เห็น เป็นส่วนของกำแพงด้านนอกโบสถ์ ตัวโบสถ์เหลือเพียงผนัง ไม่มีส่วนหลังคาโบสถ์ให้เห็น 

 

วัดวังก์วิเวการามเดิม

 

ภายในผนังโบสถ์ยังมีให้เห็นลวดลายศิลปะแบบมอญหลงเหลือให้เห็น เป็นลายซุ้มองค์พระพุทธรูปอยู่ตามผนัง ส่วนภายในมีรูปถ่ายหลวงพ่ออุตตมะให้นักท่องเที่ยวได้สักการะบูชา 

 

ข้อมูลเพิ่มเติม


นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวในช่วงฤดูร้อน ตั้งแต่ประมาณเดือนมีนาคม - เมษายน เป็นช่วงหน้าแล้ง น้ำหลังเขื่อนลดลงมาก จะสามารถเดินเข้าไปเยี่ยมชมโบสถ์เก่าได้ ณ บริเวณสามประสบ ส่วนคนที่มาเที่ยวช่วงปลายฝนต้นหนาว ตั้งแต่ประมาณตุลาคม - มกราคม อาจจะได้เห็นแค่บางส่วนของตัวโบสถ์ที่โผล่พ้นน้ำ หรือบางทีก็จมน้ำเป็นเมืองบาดาล จะมีให้เห็นก็เพียงแต่ยอดหอระฆังเดิมเท่านั้นที่สูงพ้นน้ำ

 

6. จามจุรียักษ์

 

ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองกาญจนบุรี ที่กองการสัตว์และเกษตรกรรมที่ 1 อำเภอด่านมะขามเตี้ย เป็นต้นจามจุรียักษ์ อายุกว่า 100 ปี ขนาดใหญ่ 10 คนโอบ สามารถวัดความสูงของต้นจากพื้นดินสู่ยอดได้ประมาณ 20 เมตร มีขนาดเส้นรอบวงประมาณ 15เมตร ความสูงประมาณ 20 เมตร รัศมีทรงพุ่มของต้นประมาณ 25.87 เมตร มีเส้นผ่านศูนย์กลางของร่มเงายาวประมาณ 51.75 เมตร 

 

จามจุรียักษ์

 

ความสวยงามของต้นจามจุรียักษ์ ได้แผ่กิ่งก้านสาขาร่มรื่นอลังการเป็นรูปร่มปกคลุมบริเวณกว้างถึง 1 ไร่ 2 งาน 4 ตารางวา เป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของชาวกาญจนบุรี จามจุรีต้นนี้เติบโตได้อย่างเป็นธรรมชาติ และอยู่ภายใต้การดูแลของกองการสัตว์และเกษตรกรรมที่ 1 กรมการสัตว์ทหารบก ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรีที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปเยี่ยมชม

 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 081-9709695

 

7. น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น

 

ตั้งอยู่ตอนกลางของพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ เป็นน้ำตกที่สวยงาม มี 7 ชั้น ตั้งแต่ชั้นแรกถึงชั้น 4 มีระยะทางเพียง 300-750 เมตร ตั้งแต่ชั้น 5 ขึ้นไปจนถึงชั้นบนสุดของน้ำตกมีระยะทางมากกว่า 1 กิโลเมตร จดได้ว่าเป็นน้ำตกที่สวยมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย

 

น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น

 

น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น มีทัศนียภาพที่สวยงาม แต่ละชั้นมีชื่อเรียกแตกต่างกันไป ชั้นที่ 1 ดงว่าน ชั้นที่ 2 ม่านขมิ้น ชั้นที่ 3 วังหน้าผา ชั้นที่ 4 ฉัตรแก้ว ชั้นที่ 5ไหลจนหลง ชั้นที่ 6 ดงผีเสื้อ ชั้นที่ 7 ร่มเกล้า แต่ละชั้นมีความสูงและความงดงามต่างกันไป 

 

น้ำในน้ำตกไหลมาจากต้นน้ำของเทือกเขากะลาซึ่งเป็นป่าดิบเขาแล้งทางทิศตะวันออกของอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ และไหลลงมาสู่อ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ ลำน้ำตกไหลบ่าเป็นชั้น ๆ ลดหลั่นกันถึง 7 ชั้น จึงมีความงดงามในลักษณะที่แตกต่างกันไป

 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ 082 290 2466

 

8. น้ำตกคลิตี้ล่าง (อุทยานแห่งชาติลำคลองงู) 

 

ตั้งอยู่ตำบลชะแล อำเภอทองผาภูมิ น้ำตกคลีตี้เป็นน้ำตกที่เกิดจากลำห้วยคลิตี้ที่ไหลผ่านหมู่บ้านคลิตี้ล่าง ซึ่งคำว่า คลิตี้ เป็นคำที่เพี้ยนมาจากภาษากะเหรี่ยงคำว่า "คี่ถี่" แปลว่าเสือตัวเดียว ซึ่งมีคำบอกเล่าว่าบริเวณทุ่งแห่งนี้มีเสือตัวนึงอาศัยอยู่ซึ่งรอยเท้าใหญ่เท่าช้าง

 

น้ำตกคลิตี้ล่าง

 

ลักษณะเด่น เป็นน้ำตกหินปูนมีความสวยงามเฉพาะตัวชั้นน้ำตกลดหลั่นลงไปบางช่วงเป็นอ่างน้ำขนาดใหญ่กว้าง50เมตร สภาพป่าโดยรอบร่มรื่น โดยน้ำกคลิตี้ล่าง เกิดจากลำห้วยคลิตี้ มีต้นน้ำกำเนิดอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ซึ่งไหลผ่านหมู่บ้านคลิตี้บน คลิตี้ล่าง และเกิดเป็นน้ำตก จากนั้นจึงไหลออกไปรวมกับห้วยลำคลองงูที่เขื่อนศรีนครินทร์ 

 

ลักษณะของน้ำตกเป็นน้ำตกหินปูน ขนาดกลางที่มีน้ำไหลตลอดปี มีชั้นลดหลั่นกันไปหลายชั้น ชั้นที่สูงที่สุดมีความสูงประมาณ 20 เมตร และมีบางช่วงเป็นแหล่งน้ำ ขนาดใหญ่ มีความกว้างประมาณ 50 เมตร 

 

จุดเด่นที่น่าสนใจ เป็นบริเวณทางเดินเข้าน้ำนกและบริเวณรอบ ๆ น้ำตกยังคงเป็นสภาพป่าที่สมบูรณ์ และยังมีเส้นทางสำหรับผู้สนใจศึกษาธรรมชาติและดูนก ได้เดินเที่ยวชม ซึ่งนกที่สามารถพบได้ทั่ว ๆ ไป ได้แก่ นกขุนทอง นกแซงแซว นกโพระดก นกปรอด นกจับแมลง นกกางเขนดง บางครั้งถ้าท่านโชคดี อาจจะได้พบกับนกกก และนกเงือกกรมช้างอีกด้วย

 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติลำคลองงู 084 913 2381

 

9. น้ำพุร้อนหินดาด

 

ตั้งอยู่ตำบลหินดาด อำเภอทองผาภูมิ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดกาญจนบุรี เป็นที่รู้จักกันดีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ บริเวณริมบ่อน้ำพุร้อนรายล้อมด้วยธรรมชาติ มีต้นไม้ร่มรื่น ติดกับบ่อน้ำร้อนมีลำธารน้ำเย็นอยู่ติดกัน คั้นด้วยทางเดินตรงกลาง ลำธารนี้ไหลในแนวขนานกับบ่อน้ำร้อน เป็นน้ำที่ไหลลงมาจากน้ำตกผาตาด 

 

น้ำพุร้อนหินดาด

 

หากใครที่ไม่ต้องการแช่น้ำร้อน ก็สามารถเล่นน้ำในลำธารได้ น้ำไม่ลึก เป็นน้ำไหล ไม่ถึงกับเชี่ยว ผู้ที่ไม่เล่นน้ำ ต้องการพักผ่อนคลายเส้น ก็มีจุดบริการนวดแผนโบราณ ทั้งนวดตัว และนวดฝ่าเท้า ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ไม่ควรพลาด เพราะบ่อน้ำร้อนทางธรรมชาติ มีแร่ธาตุ และช่วยบำบัดรักษาโรคต่าง ๆ ได้

 

10. หมู่บ้านอีต่อง

 

หมู่บ้านเล็ก ๆ ในหุบเขาแห่ง ตำบลปิล๊อก อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เมืองแห่งเหมืองแร่ที่เคยรุ่งเรืองในอดีต หลังจากตำนานอันรุ่งโรจน์ได้ปิดตัวลง คงไว้ซึ่งหมู่บ้านท่องเที่ยวยอดฮิต ที่เต็มไปด้วยความงดงามของธรรมชาติ เหมือนมีมนต์สะกดให้นักท่องเที่ยวผู้โหยหาธรรมชาติ เดินทางเข้ามาสัมผัสอากาศอันบริสุทธิ์ ยิ่งในช่วงฤดูฝนจะได้พบกับภาพไอหมอกปกคลุมทั้งหมู่บ้าน กลายเป็นภาพที่โรแมนติกงดงามมาก

 

หมู่บ้านอีต่อง

 

สำหรับลักษณะเด่นของที่นี่ เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่มีหมอกตลอดทั้งปี ท่ามกลางหุบเขาสุดเขตแดนตะวันตก ตามประวัติบ้านอีต่อง เหมืองปิล๊อก เป็นหมู่บ้านโบราณที่มีการทำเหมืองแร่ ซึ่งปัจจุบันนี้เหมืองแร่ได้ปิดตัวลงไป เหลือไว้เพียงสถานที่ท่องเที่ยวภายในหมู่บ้านอีต่องเท่านั้น อากาศดี วิวงาม ที่เค้าว่ากันว่าเป็นดินแดนแห่งไอหมอก

 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์0895153528

 

11. วอน-แด-ซอง คาเฟ่ เกาหลี

 

อีกจุดที่อยากแนะนำ สำหรับติ่งเกาหลี กาญจนบุรีมีสานที่ท่องเที่ยวต้อนรับ นั่นคือ วอน-แด-ซอง คาเฟ่ บริเวณบ้านหนองสามพราน ตำบลวังด้ง อำเภอเมือง ถือเป็นสถานที่พักผ่อนท่ามกลางหุบเขาล้อมรอบ ที่สร้างตกแต่งผสมผสานแนวเกาหลีโบราณกับสวนดอกไม้ตลอดปี 

 

วอน-แด-ซอง คาเฟ่ เกาหลี

 

ใครมาเที่ยวที่นี่มีชุดฮันบกให้เช่าถ่ายรูปเก๋ ๆ ในสวนดอกไม้ที่มีความงดงามตัดกับฉากหลังโรงกาแฟ สุดคุ้มค่ากับสวนดอกไม้ที่มีนานาพันธ์ ซึ้งมาที่เดียวเกินคุ้มค่า ทั้งถ่ายรูปกับดอกไม้และได้พร๊อบฉากที่เสมือนได้ไปเกาหลีจริงๆ มีการแนะนำด้วยว่า ให้พกเสื้อโค๊ตหนาวมาสร้างพร๊อปให้ตัวเองเหมือนไปเกาหลีจริง ๆ โดยภายในยังมีกาแฟและอาหารเกาหลีขายด้วย

 

ติดตามข้อมูล : เพจ วอน-แด-ซอง หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ ‪0812597667

 

12. เมืองมัลลิกา ร.ศ. 124

 

ตั้งอยู่ตำบลสิงห์ อำเภอไทรโยค เป็นเมืองย้อนยุคของวิถีชีวิตชาวสยามบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 วิถีชีวิตของชาวสยามในยุค ร.ศ.124 มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมายหลายด้าน ไปถึงที่นี่ท่านจะได้พบกับกำแพงวังจำลองซึ่งสร้างมาได้ฟิลคนไทยสมัยโบราณตามภาพถ่ายเก่า ๆ เพราะทุกคนที่ให้บริการจะสวมชุดไทยสมัยโบราณกันหมด 

 

เมืองมัลลิกา ร.ศ. 124


เข้าไปข้างในจะพบกับความสวยงามของการจัดเรียงสถานที่ คูคลอง และต้นไม้ รวมไปถึงมุมสวย ๆ เหมาะสำหรับการถ่ายรูป โดยสามารถเช่าชุดไทยทั้งชาย-หญิง เพื่อจะได้เข้ากับบรรยากาศการเดินเที่ยว โดยอาหารที่นี่ก็ขายอาหารแบบไทยเดิม ใช้เงินโบราณ และพนักงานทุกคนยังพูดเจ้าค่ะแบบย้อนยุคอีกด้วย

 

สถานที่ไฮไลท์ภายใน สะพานหัน ย่านการค้า ในสมัย ร.ศ.124 มีย่านการค้าที่ขึ้นชื่อและมีสินค้ามากและทันสมัยสำหรับยุคสมัยนั้น หรือ หอชมเมือง จำลองมาจากหอคอยคุก เช่นเดียวกับเรือนเดี่ยว เป็นเรือนชาวบ้าน เรือนคหบดี เป็นเรือนคนมีฐานะ บนเรือนคหบดีนั้น โรงครัว ประกอบด้วย โรงสี ยุ้งข้าว โรงเตรียม เรือนแพ และเรือนหมู่ เป็นเรือนสำหรับรับรองแขกบ้านแขกเมืองด้วย

 

ติดตามข้อมูล : เพจ เมืองมัลลิกา ร.ศ.124 หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์034-540 884, 063-2214564, 093-6610101

 

ที่มาข้อมูลและภาพ : กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, ททท.สำนักงานกาญจนบุรี, เพจ แดนสวรรค์ตะวันตก, จังหวัดกาญจนบุรี