ข่าวการระบาดของเชื้อโนโรไวรัสที่เกิดขึ้นในประเทศจีน โดยสื่อจีนรายงานสถานการณ์ว่า พบเด็กนักเรียนอย่างน้อย 18 คนในโรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองผู๋เอ๋อ มณฑลยูนนาน มีอาการป่วยอาเจียน ท้องเสีย ล่าสุดสื่อมาเลเซีย รายงานสถานการณ์โดยอ้างอิงข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติของจีน หลังตรวจสอบพบว่า นักเรียนทั้งหมดติดเชื้อโนโรไวรัส
นอกจากนี้ยังพบการระบาดที่โรงเรียนประถมศึกษาอีกแห่งหนึ่งในเขตจางวาน เมืองซื่อหยาน มณฑลหูเป่ยว่า มีนักเรียนติดเชื้อไวรัสชนิดนี้เช่นกัน โรงเรียนจึงต้องหยุดการเรียนการสอนไปช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา พร้อมประกาศเตือนประชาชนให้รับทราบเกี่ยวกับเชื้อไวรัสชนิดนี้
หากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ในบ้านเราเมื่อไม่นานมานี้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้เช่นกันที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.แกลง จ.ระยอง โดย กระทรวงสาธารณสุข ระบุผลการสอบสวนโรคอุจจาระร่วงที่ระบาดในนักเรียน 2 โรงเรียนในอ.แกลง พบว่า เกิดจากเชื้อไวรัสโนโรซึ่งเป็นไวรัสก่อโรคทางเดินอาหารที่มักเกิดการระบาดในช่วงฤดูหนาว
ผลการสอบสวนโรคระบุว่า เกิดจากการบริโภคน้ำ และน้ำแข็งที่มีการปนเปื้อนเชื้อชนิดนี้ในช่วงของการจัดงานกีฬาสี
ฐานเศรษฐกิจ พาไปทบทวนและทำความรู้จัก กับ เชื้อโนโรไวรัส กันอีกครั้ง จากข้อมูลกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้อธิบายเกี่ยวกับ เชื้อโนโรไวรัส (Norovirus) ไว้ดังนี้
โนโรไวรัส (Norovirus) เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดการอักเสบของระบบทางเดินอาหาร ไวรัสชนิดนี้ระบาดได้ง่ายและรวดเร็วแม้ร่างกายได้รับเชื้อในปริมาณเพียงเล็กน้อย ทนต่อความร้อนและน้ำยาฆ่าเชื้อต่าง ๆ ได้ดี
ดังนั้น เมื่อเกิดการปนเปื้อนของโนโรไวรัสในอาหารและน้ำดื่ม จึงทำให้เกิดอาการท้องเสีย อาเจียน และสามารถติดต่อกันได้ง่าย เนื่องจากใช้เวลาเพียงไม่นานในการแพร่กระจายเชื้อ
ไวรัสนี้พบระบาดได้มากในฤดูหนาว ติดต่อได้ง่ายในสภาพอากาศเย็นและทำให้เกิดโรคทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ให้ยึดหลัก สุก ร้อน สะอาด
-การบริโภคอาหารน้ำดื่มและน้ำแข็งที่มีการปนเปื้อนเชื้อ
-การสัมผัสผู้ป่วยโดยตรงหรือกินอาหารและน้ำที่ผู้ป่วยเป็นผู้เตรียมหรือปรุงประกอบ ทั้งนี้ ผู้ป่วยแพร่เชื้อได้แม้ไม่มีอาการ
- การนำนิ้วมือที่สัมผัสพื้นผิวหรือวัตถุที่ปนเปื้อนเชื้อเข้าปากโดยไม่ล้างมือ
ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลวและอาจมีไข้ร่วมด้วย
รักษาตามอาการ สิ่งสำคัญ คือ การป้องกันภาวะขาดน้ำโดยดื่มสารละลายเกลือแร่ (ORS)หากมีอาการรุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
เชื้อโนโรไวรัส สามารถติดต่อได้ง่าย ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกัน รวมถึงยังไม่มียาที่กำจัดเชื้อไวรัสชนิดนี้โดยเฉพาะ จึงควรดูแลเรื่องการรับประทานอาหารและน้ำดื่มที่สะอาด ที่สำคัญล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง เหล่านี้คือสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ห่างไกลจากเชื้อโนโรไวรัสได้