หลังจากเกิดกรณีที่นักร้องสาว นางสาวชญาดา พร้าวหอม หรือ ผิง ชญาดา เสียชีวิต จากที่ก่อนหน้านั้นได้โพสต์ว่า ได้ไปใช้บริการนวดและมีการนวดบิดคอ ภายหลังได้เข้ารับการรักษาตัวและเสียชีวิต ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า การนวดมีความเสี่ยงต่อร่างกายหรือไม่นั้น
ล่าสุด นายแพทย์เทวัญ ธานีรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า การนวดไทยเป็นกระบวนการดูแลสุขภาพที่ต้องมีหลักการหรือองค์ความรู้ในการนวดตามแนวเส้นประธานสิบซึ่งจะช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย บรรเทาอาการปวดเมื่อย
สำหรับการนวดไทย แบ่งออกเป็น 2 ระดับ คือ การนวดเพื่อผ่อนคลาย หรือนวดเพื่อสุขภาพ และการนวดเพื่อการรักษา ประกอบด้วย
1.หลักสูตรนวดเพื่อสุขภาพ 150 ชั่วโมง กลุ่มนี้จะไม่มีการบิด ดัด เป็นการนวด คอ บ่า แขน ขา สะบักและหลัง วัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาอาการปวดเมื่อยและผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
2. หลักสูตรการนวดเพื่อการรักษา เป็นหลักสูตรการเรียนตั้งแต่ 330 ชั่วโมง 372 ชั่วโมง 800 ชั่วโมง และ 1,300 ชั่วโมง เพื่อบำบัดรักษาแต่ละกลุ่มอาการ เช่น กลุ่มปวดกล้ามเนื้อ นิ้วล๊อค หัวไหล่ติด เข่าเสื่อม อัมพฤกษ์ อัมพาต เป็นต้น
1. ให้บริการนวดเพื่อสุขภาพ (หมอนวด)
นายแพทย์เทวัญ ธานีรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
2. ผู้ช่วยแพทย์แผนไทย
3. แพทย์แผนไทย/แพทย์แผนไทยประยุกต์
1.ห้ามนวดบริเวณที่เป็นมะเร็ง
2.ผู้ที่มีไข้สูงเกิน 38.5 องศา
3.บริเวณที่มีอาการอักเสบ บวม แดง ร้อน
4.ผู้ที่มีภาวะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
5.กระดูกแตก หัก ปริ ร้าว ที่ยังไม่หายดี
6.โรคติดเชื้อทางผิวหนังทุกชนิด
1. สตรีมีครรภ์
2. ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
3. ใส่อวัยวะเทียมหลังผ่าตัดกระดูก
4. ผู้ที่มีภาวะกระดูกพรุน กระดูกบาง
5. ผู้ที่เพิ่งรับประทานอาหารอิ่มใหม่ ๆ (ไม่เกิน 30 นาที) และก่อนให้บริการนวดไทย
สำหรับประชาชนหากมีข้อสงสัย หรือสนใจข้อมูลด้านการนวดไทย สามารถสอบถามได้ที่โรงพยาบาลของรัฐทั่วประเทศ หรือ FACEBOOK , Line@ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก หรือโทร 02 149 5678 ได้ในเวลาราชการ