ไฟไหม้โกดังสารเคมีอยุธยา "สาธารณสุข" เร่งประเมินผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน

02 พ.ค. 2567 | 11:50 น.
อัปเดตล่าสุด :02 พ.ค. 2567 | 11:51 น.

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ห่วงผลกระทบทางสุขภาพประชาชน ส่งทีม SEhRT สนับสนุนพื้นที่ประเมินความเสี่ยงจากเหตุไฟไหม้โกดังสารเคมี จังหวัดอยุธยา เพื่อประเมินความเสี่ยงสุขภาพของประชาชน พร้อมแนะการป้องกันตนเองจากควันพิษ และสารเคมี

จากกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บสารเคมี หมู่ที่ 2 ตำบลภาชี อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (PHEOC) ทันที โดยเบื้องต้นยังไม่ได้รับรายงานผู้บาดเจ็บเเละเสียชีวิต กลุ่มควันลอยไปถึงโรงพยาบาลภาชี และได้เร่งย้ายผู้ป่วย 31 ราย ไปยังโรงพยาบาล 4 แห่งนั้น 

ความคืบหน้าล่าสุด แพทย์หญิงอัจฉรา นิธิอภิญญาสกุล อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัย มีความห่วงใยสุขภาพประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง อาจเสี่ยงได้รับผลกระทบทางสุขภาพ จึงส่งทีมปฏิบัติการด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมหรือทีม SEhRT ศูนย์อนามัยที่ 4 สระบุรี ปฏิบัติการเชิงรุกร่วมกับหน่วยงานระดับจังหวัด โดยดำเนินการ ดังนี้ 

1.สำรวจกลุ่มเสี่ยง กลุ่มเปราะบางและประเมินความเสี่ยงสุขภาพจากการสัมผัสควันไฟ เขม่า ขี้เถ้า และฝุ่นละอองที่มาจากการเผาไหม้ในชุมชนโดยรอบโกดังที่เกิดไฟไหม้ 

2.สำรวจและประเมินการจัดการด้านสุขาภิบาลภายในศูนย์อพยพและโรงพยาบาลสนาม ทั้งคุณภาพน้ำดื่มน้ำใช้ ทดสอบการปนเปื้อนเชื้อโรคในอาหาร ตรวจสอบการระบายอากาศ ประเมินสุขลักษณะส้วม และการจัดการขยะภายในศูนย์อพยพและโรงพยาบาลสนาม เพื่อเฝ้าระวังความเสี่ยงโรคระบาด และลดความแออัดของผู้อพยพ

3.ให้ความรู้กับประชาชน ให้รู้จักวิธีการสังเกตสิ่งผิดปกติ หลีกเลี่ยง การป้องกันตนเองจากควันพิษ และสารเคมี 

ทั้งนี้ กรมอนามัย จึงขอให้หน่วยงานส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควบคุม กำกับ ติดตามการประกอบกิจการที่มีความเสี่ยงการเกิดไฟไหม้ สารเคมีรั่วไหล หรือเกิดการระเบิดอย่างใกล้ชิดเพื่อเฝ้าระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติจากสารเคมีที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน และเกิดการปนเปื้อนของสารพิษในสิ่งแวดล้อมที่ประชาชนอาศัยอยู่ซ้ำอีก

รวมทั้งต้องหาวิธีแจ้งเตือนประชาชนให้ป้องกันตนเองและอพยพได้อย่างรวดเร็วที่สุด เพื่อลดความเสี่ยงผลกระทบที่จะทำให้เกิดปัญหาทางสุขภาพประชาชน