สำนักงานอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) อนุมัติการใช้งาน วัคซีนต้านโควิด-19 โดสใหม่แล้ววานนี้ (11 ก.ย.) เพื่อหวังใช้ช่วยประชาชนป้องกันตนเองจากการระบาดของ โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ล่าสุด ที่อาจทำให้ตัวเลข ผู้ติดเชื้อพุ่งสูง ขึ้นในฤดูใบไม้ร่วงของปีนี้
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า การอนุมัติของ FDA ในครั้งนี้ เปิดทางให้บรรดาบริษัทเวชภัณฑ์ผู้ผลิตวัคซีน อย่างเช่น โมเดอร์นา (Moderna) และ ไฟเซอร์ (Pfizer) รวมทั้งบริษัท บิออนเทค (BioNTech) ซึ่งเป็นหุ้นส่วนสัญชาติเยอรมัน ให้สามารถผลิตวัคซีนโควิดโดสใหม่เพื่อใช้งานกับชาวอเมริกันส่วนใหญ่ในวัยผู้ใหญ่ได้ รวมไปถึงกรณีผู้ที่ไม่เคยรับวัคซีนมาก่อนด้วย
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะมีการนำวัคซีนมาใช้งานได้จริงนั้น ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) จะต้องให้การรับรองวัคซีนใหม่นี้ก่อน ซึ่งคาดว่า คณะกรรมการที่ปรึกษาน่าจะมีคำตัดสินออกมาในวันอังคารนี้ (12 ก.ย. ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐ) ว่า ใครคือผู้ที่ต้องใช้วัคซีนโดสใหม่แบบเข็มเดียวนี้กันแน่ ขณะเดียวกัน มีการคาดการณ์ว่า กระบวนการแจกจ่ายวัคซีนใหม่ดังกล่าว น่าจะเกิดขึ้นได้เร็วที่สุดในปลายสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ อัตราการเข้ารับการรักษาตัวเพราะการติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกาพุ่งสูงอย่างเห็นได้ชัดในช่วงฤดูร้อนของปีนี้ แต่ก็ไม่สูงเท่าสถิติปีที่แล้ว ซึ่งน่าจะเป็นเพราะภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนในช่วงก่อนหน้าที่ยังมีประสิทธิภาพคุ้มครองผู้รับยาได้อยู่
รายงานข่าวระบุว่า วัคซีนล่าสุดนี้ ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อรับมือกับไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนตัวใหม่ที่ชื่อ XBB.1.5 ซึ่งแม้จะไม่ใช่สายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดอยู่ แต่ก็ใกล้เคียงกับสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยมากที่สุดในเวลานี้
สำหรับไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนตัวใหม่ที่ชื่อ XBB.1.5 นั้น องค์การอนามัยโลก (WHO) จัดให้เป็นสายพันธุ์ย่อยที่ยังคงต้องเฝ้าระวัง อยู่ในหมวด Variants of Interest (VOI)
จากการที่วัคซีนที่ผลิตออกมาสำหรับป้องกันไวรัส 2 สายพันธุ์ดั้งเดิม ภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์ XBB ได้ ดังนั้น WHO จึงแนะนำให้บริษัทวัคซีน ผลิตวัคซีนที่เป็นสายพันธุ์ XBB
แต่ทั้งนี้ ในกระบวนการผลิตวัคซีนใหม่ ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 6 เดือน เมื่อถึงเวลานั้นไวรัสก็อาจจะเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ไปอีกก็เป็นได้