นครธน เดินหน้าตั้งทีมแพทย์เฉพาะทางรักษาโรคยากซับซ้อน

04 พ.ค. 2566 | 15:40 น.
อัปเดตล่าสุด :04 พ.ค. 2566 | 15:49 น.

รพ.นครธน ตั้งเป้าขยายการรักษาโรคยากซับซ้อน ระดมทีมแพทย์เฉพาะทาง และเทคโนโลยีสากล เปิด 6 ศูนย์ทางการแพทย์เฉพาะทาง

โรงพยาบาลนครธน ปักหมุดยกระดับการรักษาโรคยากซับซ้อน จัดตั้งทีมแพทย์เฉพาะทาง 6 ศูนย์ทางการแพทย์ ได้แก่ ศูนย์สมองและระบบประสาท ศูนย์หัวใจ ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ   ศูนย์กระดูกสันหลัง ศูนย์มะเร็ง และศูนย์ทันตกรรม ภายใต้ 4 กลยุทธ์ได้แก่

รพ.นครธน ตั้ง 6 ทีมแพทย์เฉพาะทางรักษาโรคยากซับซ้อน

1. ยกระดับการรักษา สู่การแพทย์เฉพาะทางโรคยากซับซ้อน 2. ผสานนวัตกรรมการรักษาอันทันสมัยและเทคโนโลยีการแพทย์มาตรฐานระดับสากล 3. ความร่วมมือกับพันธมิตรด้านการแพทย์ 4. การบริการด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ (Humanized Healthcare) รองรับผู้ป่วยทั้งคนไทย และชาวต่างชาติ

รศ. ญาณเดช ทองสิมา ประธานกรรมการบริษัท โรงพยาบาลนครธน เปิดเผยว่า ในปี 2566 นี้ โรงพยาบาลนครธน ได้กำหนด กลยุทธ์หลักในการดำเนินงาน 4 ด้านคือ 1. ยกระดับการรักษา สู่การแพทย์เฉพาะทางโรคยากซับซ้อน โดยจัดตั้งศูนย์การแพทย์เฉพาะทางและมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญใน 6 ศูนย์หลัก ได้แก่ ศูนย์สมองและระบบประสาท ศูนย์หัวใจ ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ ศูนย์กระดูกสันหลัง ศูนย์มะเร็ง และศูนย์ทันตกรรม นับเป็นก้าวสำคัญของการยกระดับการรักษา (Advanced Care) 

รพ.นครธน ตั้ง 6 ทีมแพทย์เฉพาะทางรักษาโรคยากซับซ้อน

2. ผสานนวัตกรรมการรักษาเช่นการนำเครื่องเอกซเรย์สำหรับตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคหลอดเลือดชนิด สองระนาบ หรือ Biplane DSA มีเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์สำหรับการตรวจเฉพาะทางอื่นๆ ทำให้ผู้เข้ารับการรักษาสะดวกสบายไม่ต้องเดินทางเข้าเมือง

 

3. ความร่วมมือระหว่างพันธมิตรด้านการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็น บำรุงราษฎร์ เฮลท์ เน็ตเวิร์ก และ สไมล์ โอเปอเรชั่นส์ เพื่อทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพที่เพิ่มมากขึ้น 4. การบริการด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ หัวใจหลักในการให้บริการ สร้างความอุ่นใจและสบายใจให้กับผู้ป่วยและครอบครัว

รพ.นครธน ตั้ง 6 ทีมแพทย์เฉพาะทางรักษาโรคยากซับซ้อน

ด้านนายแพทย์วิโรจน์ ตระการวิจิตร ผู้อำนวยการสายงานแพทย์ โรงพยาบาลนครธน เปิดเผยเพิ่มเติมว่าศูนย์การแพทย์เฉพาะทางทั้ง 6 ศูนย์จะเน้นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน (Wellness) และการรักษา (Medical) แบบองค์รวม เพื่อรักษา โรคยาก ซับซ้อน ดังนี้ 

  1. ศูนย์สมองและระบบประสาท : ใช้เครื่องเอกซเรย์สำหรับตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคหลอดเลือด Biplane DSA พร้อมทีมแพทย์อายุรกรรม ศัลยแพทย์ระบบประสาท และแพทย์รังสีร่วมรักษาระบบประสาทและสมองเพื่อรักษาภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดสมอง  โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ช่วยลดภาวะแทรกซ้อนหลังการรักษา ลดโอกาสการเกิดอัมพฤกษ์อัมพาต ลดอัตราการพิการ 

 

  1. ศูนย์หัวใจ :นำนวัตกรรมร่วมรักษาด้วยเครื่องเอกซเรย์ Biplane DSA เพิ่มศักยภาพในการรักษาโรคลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบ ให้มีความปลอดภัยและ ลดปริมาณสารทึบรังสีที่ผู้ป่วยจะได้รับ และลดเวลาที่ใช้ในการทำหัตถการ 

 

  1. ศูนย์กระดูกสันหลัง : ร่วมมือกับ บำรุงราษฎร์ เฮลท์ เน็ตเวิร์กในการฝึกอบรมทีมแพทย์ และให้การรักษาตามแนวทางของ บำรุงราษฎร์ แต่ใช้สิ่งอำนวยความสะดวก และบริการตามมาตรฐานของ รพ.นครธน รักษาผู้ที่มีปัญหาความผิดปกติทางกระดูกสันหลัง ไขสันหลัง และเส้นประสาท พร้อมให้คำปรึกษาเพื่อหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสม เพื่อผลการรักษาและคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ป่วยเป็นสำคัญ ในราคาที่สามารถเข้าถึงได้ 

 

  1. ศูนย์มะเร็ง : ร่วมกับ บำรุงราษฎร์ เฮลท์ เน็ตเวิร์ก เปิดศูนย์มะเร็งฮอไรซัน ให้การดูแลรักษาโรคมะเร็ง โดยทีมแพทย์เฉพาะทาง และทีมสหสาขาวิชา ร่วมกับบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความชำนาญการด้านมะเร็ง ให้บริการตั้งแต่การป้องกัน การตรวจคัดกรอง การวินิจฉัย การรักษา             การติดตามผลการรักษาและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น ไปจนถึงการดูแลด้านสภาวะจิตใจ โภชนาการ การจัดการกับความเจ็บปวดและการเฝ้าระวังการกลับมาเป็นซ้ำของโรคอย่างใกล้ชิด

 

  1. ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ : ตรวจวินิจฉัยรักษาและให้คำปรึกษาอาการโรคทางเดินอาหารและตับ โดยคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางครบทุกอนุสาขา และออกแบบห้องทำหัตถการส่องกล้อง ห้องเตรียมลำไส้ ห้องพักฟื้น และอุปกรณ์ที่ทันสมัย ซึ่งถือเป็นการวินิจฉัย และรักษาที่ครบวงจรภายในที่เดียวกัน 

 

  1. ศูนย์ทันตกรรม : รพ.นครธน ร่วมกับ สไมล์ โอเปอเรชั่นส์ มีการวางแผนการรักษาแบบเฉพาะบุคคล และการนำเทคโนโลยีมาร่วมวินิจฉัย และรักษาทางทันตกรรม อาทิ การจัดฟันแบบใส Invisalign การผ่าตัดขากรรไกรร่วมกับการจัดฟัน การใส่รากฟันเทียม ฯลฯ โดยทันตแพทย์เฉพาะทาง 

 

   

ด้าน นางสาวเพ็ญศิริ ทองสิมา ผู้อำนวยการสายงานการตลาดและพัฒนาธุรกิจ โรงพยาบาลนครธน กล่าวเสริมว่า “โรงพยาบาลนครธน มุ่งเน้นศักยภาพในการขยายการให้บริการของศูนย์หลักทั้ง 6 ศูนย์ เพื่อทำให้โรงพยาบาลมีการให้บริการที่ครอบคลุมครบวงจร สามารถขยายฐานผู้ป่วยที่ต้องการเข้าถึงการรักษาเทคโนโลยีการรักษาสมัยใหม่ และช่วยสร้างรายได้ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต

 

นอกจากนี้ การร่วมมือทางด้านการแพทย์กับ บำรุงราษฎร์ เฮลท์ เน็ตเวิร์ก และ สไมล์ โอเปอร์เรชั่นส์ ส่งผลให้รายได้ในปี 2565เติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 30% เมื่อเทียบกับปี 2564 และผลกำไรมีอัตราเติบโตอยู่ที่ 75% (ผลจากการเพิ่มบริการเพื่อรองรับสถาณการณ์โควิด-19) และตั้งเป้าอัตราการเติบโตของปีนี้ไม่น้อยกว่า 10% โดยในปีนี้ยังมีแผนพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่นวัตกรรมเครื่องเอกซเรย์สำหรับตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคหลอดเลือดชนิดสองระนาบ หรือ Biplane DSA เครื่องมือ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ การปรับปรุงสถานที่ภายใน และภายนอกโรงพยาบาลให้ทันสมัย

 

ไปจนถึงการพัฒนาระบบสารสนเทศ รวมใช้งบลงทุนกว่า 400 ล้านบาท สำหรับแผนการตลาด นอกจากจะเน้นในกลุ่มคนไทยแล้ว ยังมีแผนขยายต่อไปกลุ่มคนไข้ชาวต่างชาติโดยเฉพาะกลุ่มประเทศ จีน และเมียนมา รวมทั้งกลุ่มคนไข้ต่างชาติที่อาศัยอยู่ในย่านพระราม 2 (Expat) ซึ่งคาดหวังสัดส่วนคนไข้ชาวต่างชาติจะมีอัตราเติบโตกว่า 30%”