หมอธีระวัฒน์ ชี้ โควิดสายพันธุ์ใหม่ ผสมฝุ่น PM 2.5 ทวีความรุนแรง

หลังจากผ่านพ้นเทศกาลสงกรานต์ 2566 ประเทศไทยก็ได้พบปัญหาการกลับมาของฝุ่น PM 2.5 และโควิดสายพันธุ์ใหม่อีกครั้ง ทั้ง 2 ปัญหานี้ล้วนสร้างความกังวล และกระทบต่อสุขภาพผู้คน ยิ่งไปกว่านั้นทั้งปัญหาฝุ่น PM 2.5 และโควิดสายพันธุ์ใหม่ XBB.1.16 เมื่อมาพบกันกลายเป็นปัจจัยที่ทำให้กระทบต่อสุขภาพรุนแรงยิ่งขึ้น

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ถึงการพบกันของฝุ่น PM 2.5 และโควิดสายพันธุ์ใหม่ XBB.1.16 ว่ายิ่งทำให้สุขภาพได้รับผลกระทบรุนแรงยิ่งขึ้น

โดย ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เปิดเผยว่า โควิด XBB.1.16 พบในหลายประเทศอาจจะถึง 22 ประเทศ รวมทั้งสหรัฐและอังกฤษ มาระยะหนึ่งแล้ว มีความสามารถในการติดเชื้อเพิ่มขึ้นไม่มากนัก อยู่ที่ 1.2 เท่า ตามข้อมูล มีผู้ป่วยโควิดรายใหม่ 3.5 ราย ต่อล้านราย เสียชีวิตไหม่ 0.01 ราย ต่อล้านราย
ไม่ได้สูงขึ้นมากจากเดิมนัก แต่ควรดูต่อไป

พร้อมระบุในโพสต์ก่อนหน้าว่า โควิดสายพันธุ์ย่อยโอไมครอน อาจไม่ใช่เรื่องใหญ่เพราะโควิดผันตัวมาจากตัวที่ติดมนุษย์ไปหมดแล้ว จึงต้องหาทางเจาะใหม่ตามวัฎจักร แต่ไม่ได้หมายความว่าจะรุนแรง เพราะมีภูมิคู่จากวัคซีน และ ภูมิจากการติดเชื้อโควิดตามธรรมชาติ ซึ่งทำให้ระบบนักฆ่า (T cell ) แข็งแรงมากกว่าวัคซีนด้วยซ้ำ

ส่วนปัญหาฝุ่น PM 2.5 เมื่อหายใจเข้าไปจะแทรกซึมเข้าไปในเลือดไปทุกอณูของร่างกาย เพิ่มความเสี่ยงเส้นเลือดอุดตัน เสี่ยงต่อการเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ และเมื่อโควิด XBB.1.16 มาพบกันกับปัญหาฝุ่น PM 2.5 ส่งผลให้โควิด ติดง่ายขึ้น เพราะเยื่อบุทางเดินหายใจ ถูกทำลายจากฝุ่น PM 2.5 และ PM 2.5 ทำลายระบบภูมิคุ้มกันแทบทุกระบบ ส่งเสริมความรุนแรงของโควิด

ทั้งนี้ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ ให้ข้อสังเกตไว้ด้วยว่า ปัจจัยสำคัญคือ PM 2.5 ที่ทำร้ายเยื่อบุ ตา ทางเดินหายใจ ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น และการอักเสบจาก PM 2.5 ที่ไม่ควรเกิน 13.3 มิฉะนั้นจะทำให้การอักเสบปะทุไปทั้งร่างกาย เมื่อผสมโรงกับการติดเชื้อทั้งหลาย ประเทศไทยจึงทำให้ เชื้อธรรมดาดูดุร้ายขึ้น