ผงะ! คนไทยที่เคยปลูกฝีภูมิคุ้มกันสูงไม่มากพอป้องกันฝีดาษลิง

07 ก.ย. 2565 | 08:11 น.

ผงะ! คนไทยที่เคยปลูกฝีภูมิคุ้มกันสูงไม่มากพอป้องกันฝีดาษลิง หมอเฉลิมชัยแนะยังไม่ต้องกังวลมาก เพียงระมัดระวัง ไม่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่สงสัยว่ามีผื่นหรือตุ่มที่เข้าได้กับฝีดาษลิง

น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า   

 

ผิดคาด !! คนไทยที่เคยปลูกฝีป้องกันฝีดาษคน มีภูมิคุ้มกันสูงไม่มากพอที่จะป้องกันฝีดาษลิง

 

จากกรณีฝีดาษลิงระบาดทั่วโลก จนปัจจุบัน(2กย2565) พบผู้ติดเชื้อเกือบ 100 ประเทศ มีผู้ป่วย 50,327 ราย เสียชีวิตไป 15 รายนั้น

 

ทำให้วงการสาธารณสุขทั่วโลก  ต้องเร่งรวบรวมความรู้และข้อมูลต่างๆที่เคยมีมาในอดีต ว่าจะมีวิธีการใดที่สามารถป้องกันฝีดาษลิงได้บ้าง

 

พบว่าจนปัจจุบัน ก็ยังไม่มีวัคซีนที่ผลิตมาเพื่อป้องกันฝีดาษลิงโดยเฉพาะ

 

แต่มีข้อมูลการศึกษาว่า วัคซีนที่ป้องกันฝีดาษคนหรือไข้ทรพิษ ในสมัยก่อนที่เรียกว่าการปลูกฝีนั้น สามารถข้ามมาป้องกันฝีดาษลิงได้ประมาณ 85%

แต่เนื่องจากทั่วโลกมีการหยุดปลูกฝีตั้งแต่ปี 2523 เป็นต้นมา หรือกว่า 42 ปีแล้ว ส่วนในประเทศไทยเลิกปลูกฝีตั้งแต่ปี 2517 หรือ 48 ปีที่แล้ว

 

จึงทำให้ต้องมีการทบทวนข้อมูลการศึกษาในอดีต พบว่าระดับภูมิคุ้มกันในเลือดของชาวต่างประเทศ จะอยู่ในระดับที่สูงได้ 13-88 ปี

 

จึงทำให้ประเทศไทยเรา จำเป็นต้องหาข้อมูลของคนไทยกันเองว่า การที่คนไทยเคยปลูกฝีป้องกันฝีดาษคนนั้น

 

ปัจจุบันจะยังมีภูมิคุ้มกันที่สูงจนสามารถป้องกันฝีดาษลิงได้มากน้อยเพียงใด
ซึ่งสรุปจากรายงานของอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ในวันที่ 5 ก.ย. 2565 ได้ดังนี้

 

คนไทยที่เคยปลูกฝีภูมิคุ้มกันสูงไม่มากพอป้องกันฝีดาษลิง

 

  • กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์สามารถเพาะเชื้อไวรัสก่อโรคฝีดาษลิงจากผู้ติดเชื้อที่พบในประเทศไทยทั้ง 7 รายสำเร็จ โดยพบเป็นสายพันธุ์ A.2 หกราย และ B.1 หนึ่งราย

 

  • กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้นำเชื้อไวรัสที่เพราะได้นั้น ซึ่งแปลว่าไวรัสยังมีชีวิตอยู่ นำมาทดสอบกับเลือดของคนไทยที่เคยปลูกฝีป้องกันฝีดาษคน เพื่อดูความสามารถในการฆ่าเชื้อไวรัส ด้วยวิธี PRNT

 

  • จากตัวอย่างอาสาสมัครคนไทย 28 ราย แบ่งออกเป็น 3 ช่วงอายุ คือ 45-54 ปี , 55-64 ปี และ 65-74 ปี

 

พบข้อมูลที่น่าสนใจว่า 26 รายมีภูมิคุ้มกันแต่สูงไม่มากพอที่จะป้องกันฝีดาษลิงได้ มีเพียง 2 รายซึ่งอยู่ในช่วงอายุ 55-64 ปี ที่มีระดับภูมิคุ้มกันในเลือดสูงพอที่จะป้องกันได้

  • ได้ลองนำเลือดจากผู้ที่ติดเชื้อ 2 ราย ไปตรวจหาระดับภูมิคุ้มกัน พบว่าสูงมากพอที่จะทำลายเชื้อไวรัสก่อโรคฝีดาษลิงได้ โดยมีระดับสูง 80-192 หน่วย (ค่าที่ป้องกันได้คือ มากกว่า 32 หน่วยขึ้นไป)

 

  • ได้นำอาสาสมัครเด็กไทย 3 รายที่ไม่เคยปลูกฝีป้องกันฝีดาษคนเลย ตรวจแล้วพบว่าไม่มีภูมิคุ้มกันที่จะป้องกันฝีดาษลิงได้

 

จึงทำให้ได้ข้อสรุปดังนี้

 

  • ในต่างประเทศ พบว่าภูมิคุ้มกันในเลือดจากการปลูกฝีป้องกันฝีดาษคนอยู่ได้นาน 13-88 ปี
  • ข้อมูลในต่างประเทศ พบว่าการปลูกฝีป้องกันฝีดาษคน ข้ามมาป้องกันฝีดาษลิงได้ 85%
  • การศึกษาของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ไทยในครั้งนี้ จากจำนวนอาสาสมัคร 28 ราย พบว่ามีภูมิคุ้มกันที่อยู่ในระดับป้องกันฝีดาษลิงได้เพียง 2 ราย

 

อย่างไรก็ตาม การติดต่อของฝีดาษลิงนั้น ยากกว่าการติดต่อของโควิด-19 คือต้องมีการสัมผัสใกล้ชิดกันมาก โดยเฉพาะสัมผัสเชื้อไวรัสจากตุ่มที่ผิวหนัง และที่ผ่านมามักจะเกี่ยวข้องกับเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ด้วย

 

จึงยังไม่ต้องกังวลมากนัก ขอเพียงระมัดระวัง ไม่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่สงสัยว่ามีผื่นหรือตุ่มที่เข้าได้กับฝีดาษลิง