กรมควบคุมโรค แจงเด็ก 6 ขวบ ไม่ได้ฉีดวัคซีน ติดโควิด-เสียชีวิตจากภาวะ MIS-C

21 ก.ค. 2565 | 10:12 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ก.ค. 2565 | 17:20 น.
1.6 k

กรมควบคุมโรค ชี้แจงกรณีเด็ก 6 ขวบ ไม่ได้ฉีดวัคซีน ติดโควิด-เสียชีวิต จากภาวะ MIS-C แนะพาลูกอายุตั้งแต่ 5 ปีขึ้น ฉีดวัคซีนโดยเร็วเพื่อป้องกันความเสี่ยง

วันนี้ (21 กรกฎาคม 2565) นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ชี้แจงกรณี มีข่าวเด็กนักเรียนชั้นปฐมศึกษาปีที่ 2 อายุ 6 ปี ติดเชื้อโควิด 19 และป่วยหนักและเสียชีวิตจากภาวะMIS-C หรือการอักเสบหลายอวัยวะ เบื้องต้นพบว่าไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด

นายแพทย์โอภาส กล่าวว่า จากการตรวจสอบกับหน่วยงานในพื้นที่ ข้อมูลเบื้องต้นเป็นเด็กชาย อายุ 6 ปี 8 เดือนเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 บ้านพักอยู่จังหวัดปทุมธานี ถูกวินิจฉัยโรคโควิด 19 มีอาการไข้ น้ำมูก ถ่ายเหลว อ่อนเพลีย รักษาที่สถานพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ก่อนส่งตัวมารับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลปทุมธานี เนื่องจากมีอาการซึม มือเท้าเย็นและช็อค เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม แพทย์ได้ให้การรักษาอย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากผู้ป่วยรายนี้เกิดภาวะอักเสบในหลายอวัยวะ หรือที่เรียกว่าภาวะ MIS-C ทั้งที่หัวใจและปอดส่งผลทำให้อาการรุนแรงเสียชีวิต สอดคล้องกับประวัติเด็กที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ทำให้มีโอกาสเสี่ยงเกิดภาวะ MIS-C กรมควบคุมโรคขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวอย่างยิ่ง

สถานการณ์ของโควิด 19 ในประเทศไทย ในระยะนี้เป็นการติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ย่อย BA.5 แพร่เชื้อได้เร็วกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะเด็กนักเรียนที่มีการคลุกคลีใกล้ชิดกันตลอด เมื่อเด็กติดเชื้อส่วนใหญ่จะมีอาการป่วยไม่รุนแรง เช่น ไข้ ไอ น้ำมูก เจ็บคอ หายได้เอง แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีส่วนน้อยมากที่สามารถเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น เกิดภาวะการอักเสบในหลายอวัยวะ หรือที่เรียกว่าภาวะ MIS-C ผู้ป่วยในกลุ่มนี้มีโอกาสเสียชีวิตได้สูง

 

ซึ่งเป็นการอักเสบที่อวัยวะสำคัญ เช่น กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ปอดอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือ ช็อค  ดังนั้น หากบุตรหลานมีอาการผิดปกติ เช่น หายใจเร็ว เหนื่อย ซึม ตัวเย็น เรียกไม่รู้สึกตัว ภายหลังมีการติดเชื้อโควิด 19 แนะนำให้ผู้ปกครองรีบพาเด็กไปพบแพทย์โดยเร็ว เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม

 

ภาวะอักเสบในหลายอวัยวะ หรือ MIS-C ในเด็ก สามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีน ต้องระวังแต่อย่าตื่นตระหนก เพราะไม่ได้เกิดบ่อยในเด็กที่เป็นโควิด หากเด็กได้รับการฉีดวัคซีนครบจะทำให้มีโอกาสติดเชื้อและป่วยน้อยลง กรณีที่ป่วยอาการจะไม่รุนแรง จึงเชิญชวนให้นำบุตรหลานไปฉีดวัคซีน ที่มีทั้งไฟเซอร์ และ ซิโนแวค

 

โดยกระทรวงสาธารณสุขได้จัดหาวัคซีนให้กับทุกกลุ่มวัยและทุกคน สามารถรับการฉีดได้ที่สถานบริการทั้งภาครัฐและเอกชนที่ร่วมให้บริการได้ตลอดทุกวัน ซึ่งเมื่อเด็กทุกคนได้รับวัคซีนแล้วจะช่วยให้เกิดความปลอดภัยเพิ่มขึ้นทั้งกับตนเองและผู้อื่นที่เป็นสมาชิกในครอบครัว และครูนักเรียนในโรงเรียน