รพ.วิมุต-เทพธารินทร์ กางแผนปี 68 เพิ่มตึกใหม่ 53 เตียง รองรับไทยและต่างชาติ
โรงพยาบาลวิมุต-เทพธารินทร์ เดินหน้าสร้างตึกใหม่ 53 เตียงด้วยงบลงทุน 330 ล้านบาท คาดเปิดให้บริการปลายปี 2569 ขณะที่ปี 2568 ตั้งเป้าเพิ่มอัตราการเติบโต 9% ชี้ปัจจัยด้านเศรษฐกิจและกฏประกันแบบ Co-payment ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อ
นายแพทย์สมเกียรติ ลลิตวงศา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิมุต-เทพธารินทร์ กล่าวว่า ปัจจุบันโรงพยาบาลวิมุต-เทพธารินทร์ เปิดพื้นที่ให้บริการทั้งหมด 2 ตึก 80 เตียง โดยใช้งานจริงประมาณ 60 เตียง และจะก่อสร้างตึกที่ 3 เชื่อมกันเพื่อขยายการให้บริการเพิ่มขึ้น ด้วยงบประมาณการก่อสร้างรวมทั้งค่าบุคลากรและอุปกรณ์เวชภัณฑ์ต่างๆ 330 ล้านบาท ด้วยความสูงประมาณ 7 ชั้น สามารถเพิ่มได้อีก 53 เตียง ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการออกแบบ หากสามารถก่อสร้างได้ในปี 2568 คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปลายปี 2569 และจะมีเตียงรองรับผู้ใช้บริการทั้งหมด 113 เตียง หมุนเวียนให้บริการไปได้อีกนานประมาณ 15 ปี
“เราจะโฟกัสไปยังกลุ่มคนไข้โรค NCDs คนไข้ผู้สูงอายุ และคนไข้ฉุกเฉิน รวมทั้งคนไข้ศูนย์โรคหัวใจ ด้วยบุคลากรเกือบ 400 คน หากตึกใหม่สร้างแล้วเสร็จคาดว่าจะเพิ่มบุคลากรอีกไม่เกิน 50 คน หรือประมาณ 10% เพราะทีมแพทย์ที่เดิมยังคงมีศัยกภาพ ซึ่งจุดเด่นของโรงพยาบาลวิมุต-เทพธารินทร์ จะแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ 1. ความเชี่ยวชาญการรักษาเกี่ยวกับเรื่องต่อมไร้ท่อในสัดส่วน 1 ใน 3 จากการรักษาทั้งหมด 2. เกี่ยวกับอุบัติเหตุฉุกเฉิน และ 3. การผ่าตัดกระดูกและพลาสติก นอกจากนี้ยังมีระบบการดูแลถึงบ้านทั้งส่งรถไปรับและโทรศัพท์สอบถาม ดูแลแบบแอดมิดในโรงพยยาบาล และดูแลผู้สูงอายุแบบลองสเตย์ในระยะยาว”
สำหรับปี 2568 ได้วางแผนงานไว้ว่าจะเปิดศูนย์ระบบทางเดินอาหารและตับ ( GI ) ด้วยงบประมาณ 20 ล้านบาท และเพิ่มการผ่าตัดศูนย์ผ่าตัดพลาสติก อาทิ ดึงหน้า ดึงคอ ลดไขมัน เสริมเต้านม และเหลาคาง รองรับทั้งคนไทยและต่างชาติ ขณะที่ปัจจุบันคนไข้ต่างชาติมีอยู่ราว 12% หลากหลายเชื้อชาติ จากพื้นที่สุขุมวิท ทั้งในออฟฟิศ โรงแรม คอนโด ที่มีหลักประกันสุขภาพหรือทำประกันสุขภาพไว้ โดยตั้งเป้าการเติบโตจากปี 2567 ประมาณ 9% โฟกัสไปยังกลุ่มลูกค้าระดับกลางที่สามารถเข้าถึงได้ด้วยราคาถูกกว่าโรงพยาบาลเอกชนขั้นนำประมาณ 25% ขณะเดียวกันก็พัฒนารอบด้านเพื่อให้การบริการดีขึ้นตามลำดับ
นายแพทย์สมเกียรติ กล่าวว่า ปี 2567 มีอัตราการเติบโต 10% แต่ในปี 2568 ตั้งเป้าการเติบโตลดน้อยลงเพราะการแข่งขันในธุรกิจพยาบาลค่อนข้างสูง ประกอบกับปัจจัยอื่น เช่ย ภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาลง การออกกฏประกันแบบ Co-payment ที่ผู้เอาประกันจะต้องคำนึงค่าใช้จ่ายมากกว่าเดิม ซึ่งระยะยาวน่าจะมีผลกระทบให้เห็นชัดเจน ซึ่งโรงพยาบาลวิมุต-เทพธารินทร์ มีรายได้จากระบบประกันประมาณ 20% ผู้ใช้บริการจ่ายเอง 42% ประกันสังคมประมาณ 10% ที่เหลือคือ การส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉิน การตรวจสุขภาพจากบริษัทต่างๆ เป็นต้น
"โรงพยาบาลวิมุต-เทพธารินทร์ เรามุ่งขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจสุขภาพด้วยวิสัยทัศน์ในการสร้างความยั่งยืนด้านสุขภาพให้แก่ประชาชนทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ และจะมีประชากรอายุเกิน 65 ปีเพิ่มขึ้นถึง 20% ของจำนวนประชากรทั้งหมดในอีก 10 ปีข้างหน้า ในช่วงครบรอบ 40 ปีของโรงพยาบาลภายใต้แนวคิด 'The Heart of Giving, The Gift of Caring' จึงสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการยกระดับการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมที่ครอบคลุมทั้งการรักษา การป้องกัน และการสร้างความรู้ความเข้าใจด้านสุขภาพให้กับสังคมไทย พร้อมขยายผลการดูแลสุขภาพ เพื่อสร้างระบบนิเวศด้านสุขภาพที่ยั่งยืนสำหรับคนทุกวัย"
ด้าน ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.เทพ หิมะทองคำ ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลเทพธารินทร์ กล่าวว่า โรงพยาบาลวิมุต-เทพธารินทร์มุ่งสร้างความยั่งยืนด้านสุขภาพให้ประชาชนทุกวัย ตระหนักถึงการดูแลสุขภาพของผู้ใช้บริการที่ต้องมีทีมสหสาขาวิชาชีพที่แข็งแกร่งและระบบบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อเป็นต้นแบบการดูแลผู้ป่วย ครอบคลุมทั้งการรักษา การให้ความรู้ และการป้องกัน โดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่สามารถป้องกันได้หากสร้างความตระหนักรู้ที่ถูกต้อง