นายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า โรคไข้อีดำอีแดง เป็นโรคโบราณที่อุบัติซ้ำกลับมาใหม่ หลายคนอาจไม่รู้จักและเข้าใจผิดกันอยู่จนทำให้เกิดโรคลุกลามและแทรกซ้อนได้
โรคไข้อีดำอีแดง เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัส กรุ๊ปเอ (Group A Streptococcus) หรือ Streptococcus pyogenes ซึ่งเป็นเชื้ออยู่ในลำคอสามารถพบคนที่เป็นพาหะเชื้อนี้ได้ร้อยละ 10-20 เชื้อนี้มีช่องทางการติดต่อโดยการหายใจ สูดละอองฝอยน้ำลาย หรือการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ มักพบในเด็กเล็กจนถึงวัยเรียน อายุ 5-15 ปี
หากติดเชื้อจะมีไข้สูง หนาวสั่น เจ็บคอ กลืนลำบาก มีผื่นแดงหยาบคล้ายกระดาษทราย (sandpaper-like rash) มักเริ่มจากหน้าอก ลำตัว แล้วลามไปทั่วร่างกาย มีลิ้นสีแดงคล้ายสตรอว์เบอร์รี (Strawberry tongue) และอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนสำคัญคือ โรคหัวใจรูมาติก (Rheumatic Fever) หรือไตอักเสบ
โรคไข้อีดำอีแดง ไม่ใช่โรคร้ายแรง สามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ ได้แก่ Penicillin หรือ Amoxycillin หรือ Erythromycin จนครบ 10 วัน เพื่อป้องกันการเกิดโรคไข้รูมาติกและไตอักเสบแทรกซ้อน
การป้องกันและการลดโอกาสเกิดการติดเชื้อในเด็ก ผู้ปกครองควรสังเกตผื่นแดงร่วมกับอาการไข้ที่เกิดขึ้นกับบุตรหลาน ไม่ใช่ผื่นจากอาการแพ้ แต่เป็นผื่นจากโรคมากกว่าเพื่อจะได้รีบพาไปพบแพทย์รับการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
หากเด็กป่วยให้หยุดเรียน เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อให้เด็กคนอื่น นอกจากนี้การล้างมือเป็นวิธีสำคัญในการป้องกันการแพร่เชื้อ โดยเฉพาะหลังไอ จาม หรือก่อนจับอาหาร ควรปิดปากขณะไอ จาม ไม่ใช้แก้วน้ำ ช้อน ผ้าเช็ดหน้าร่วมกัน ก็เป็นการป้องกันที่ดี รวมทั้งการแยกภาชนะของผู้ป่วย การแยกซักล้างเครื่องใช้ส่วนตัวก็ถือเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน
สำหรับการส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข เปิดให้บริการตรวจเกี่ยวกับเชื้อ S. pyogenes ดังนี้
1. การเพาะแยกเชื้อแบคทีเรีย S. pyogenes จากสิ่งส่งตรวจ ได้แก่ Throat swab, Nasopharyngeal swab ใน Stuart transport media หรือ Amies transport media ขนส่งที่อุณหภูมิห้อง
2. ตรวจยืนยันตัวอย่างเชื้อบริสุทธิ์บน Blood agar หรือ Dorset egg slant ขนส่งที่อุณหภูมิห้อง
ทั้งนี้ สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มได้ที่ศูนย์รวมบริการ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และศูนย์เฝ้าระวังและประสานงานทางห้องปฏิบัติการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์