วันนี้ (25 กุมภาพันธ์ 2568) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ นายกรัฐมนตรี รับทราบรายงานการจับกุมร้านขายบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่ สน.คันนายาว และ สน.โคกคาม กรุงเทพมหานคร และรายงานธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้าทั่วประเทศ โดยสั่งการว่าในการควบคุมการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งปัจจุบันมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มของเยาวชน นักเรียน และนักศึกษา
โดยที่ผ่านมาได้มอบหมายให้ทาง กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งปราบปรามปัญหาดังกล่าว โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดนั้น
แต่กลับพบว่าปัญหาดังกล่าวก็ยังไม่หมดไปและทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ นางสาว จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุมร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการนจัดการกับบุหรี่ไฟฟ้า ออกกวาดล้างจับกุม และการแก้ไขปัญหาระยะยาวโดยให้ เร่งแก้ไขข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้มีบทลงโทษที่ชัดเจนและรุนแรงมากยิ่งขึ้น และขอให้กลับมารายงานต่อนายกรัฐมนตรีภายใน 15 วัน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีแสดงความกังวลใจ โดยกล่าวย้ำขอให้เร่งดำเนินการเร่งด่วน เพราะตนเองมีลูก ๆ จึงเกิดความกังวลใจอย่างมาก
ทั้งนี้มีรายงานข่าวแจ้งว่า ครม.ได้หารือกันนอกรอบ โดยนายกฯ เร่งรัดการแก้ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า อย่างเร่งด่วน โดยนอกจากการแต่งตั้งรมต.ประจำสำนักนายกฯ เป็นประธานแล้ว ยังเตรียมตั้งทีมระดับพื้นที่เป็นชุดเฉพาะกิจ เพื่อปราบบุหรี่ไฟฟ้าทุกพื้นที่ และหากตรวจสอบพบว่า พื้นที่ใดที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนิ่งเฉยไม่ปราบปรามจะดู้เด้งทันที
พร้อมกันนี้นายกฯ ยังมีข้อสั่งการเรื่องปัญหาราคาพืชผลเกษตร นายกรัฐมนตรีได้เชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ และ กระทรวงพาณิชย์ มาพูดคุยถึงสถานการณ์ราคาสินค้าเกษตร รวมทั้งเร่งหามาตรการที่จะช่วยยกระดับรายได้ของพี่น้องเกษตรกร โดยเฉพาะในส่วนของราคาข้าวเปลือก มันสำปะหลัง ข้าวโพด ปาล์มน้ำมัน ยางพารา ที่มีแนวโน้มว่าราคาจะต่ำกว่าปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ได้ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหามาตรการในการแก้ไขปัญหาทั้งในระยะสั้นและระยะยาวอย่างจริงจัง ทั้งในส่วนของการพัฒนาพันธุ์ที่เหมาะสม การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาใช้ รวมทั้งการศึกษาถึงความต้องการของตลาด หากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการวางแผนอย่างครอบคลุมและดำเนินการตามแผนอย่างจริงจังและต่อเนื่อง มาตรการที่ต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการอุดหนุน/เยียวยา/ชดเชยราคา ตามข้อเรียกร้องของเกษตรกรก็จะไม่จำเป็นอีกต่อไป
นอกจากนี้นายกฯ ยังสั่งการเกี่ยวกับปัญหาเรื่องเรือประมง โดยมีข้อสั่งการว่า จากการที่มีข้อเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือชาวประมงที่ได้รับความเดือดร้อนจากกรณีที่รัฐบาลในอดีตได้ดำเนินโครงการนำเรือออกนอกระบบ เพื่อให้สามารถบริหารจัดการเรือประมงให้มีจำนวนเหมาะสมกับปริมาณสัตว์น้ำได้ และช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU) จากการใช้เรือประมง ที่ไม่มีใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ เพื่อให้เป็นไปตามกฎระเบียบสากล
ทั้งนี้ได้ขอให้กรมประมง กระทรวงเกษตรฯ เร่งดำเนินการหามาตรการจ่ายเงินเยียวยาให้กับเจ้าของเรือประมงที่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน และให้เสนอ ครม. เพื่อพิจารณาในครั้งต่อไป เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาให้กับชาวประมงที่ได้รับผลกระทบต่อไป