กรมชลฯ พร้อมรับมือฝนตกถล่มหนักอีกระลอก 2-10 สิงหาคม

02 ส.ค. 2565 | 09:47 น.
อัปเดตล่าสุด :02 ส.ค. 2565 | 17:02 น.

กรมชลประทานประกาศเตรียมความพร้อม รับมือฝนตกหนักอีกระลอก ในช่วงระหว่างวันที่ 2-10 ส.ค.นี้ หลัง กอนช. แจ้งเตือนเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก-น้ำท่วมฉับพลัน

ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน ในฐานะโฆษก กรมชลประทาน เปิดเผยวันนี้ (2 ส.ค.) ว่า ตาม ประกาศ กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ฉบับที่ 24/2565 เรื่อง "เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก และน้ำท่วมฉับพลัน" ด้วย กอนช. ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา ในช่วงวันที่ 2-10 สิงหาคม 2565 พบว่า

 

มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับมีร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณประเทศเมียนมา ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนบนของประเทศไทย และประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

 

ทั้งนี้ กอนช. ได้ประเมินสถานการณ์น้ำจากฝนคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) พบว่าจะมีปริมาณฝนตกสะสมต่อเนื่อง ประกอบกับสถานการณ์น้ำในลำน้ำและแหล่งน้ำธรรมชาติบางพื้นที่ที่ฝนตกหนักอยู่ในเกณฑ์น้ำมาก อาจส่งผลให้เกิดน้ำหลากและน้ำท่วมฉับพลันจึงขอให้เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงในช่วงวันที่ 2-10 สิงหาคม 2565

กรมชลฯ พร้อมรับมือฝนตกถล่มหนักอีกระลอก 2-10 สิงหาคม

จึงได้สั่งการให้โครงการชลประทาน และสำนักเครื่องจักรกล ติดตามสภาพอากาศและสภาพน้ำอย่างใกล้ชิด ตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของอ่างเก็บน้ำ อาคารบังคับน้ำให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ รวมไปถึงการติดตาม ตรวจสอบ ซ่อมแซม แนวคันบริเวณริมแม่น้ำและกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ

 

พร้อมกันนี้ ให้เร่งทำการระบายน้ำในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังอยู่เดิม เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับน้ำหลากป้องกันน้ำท่วมให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และอ่างเก็บน้ำขนาดกลางให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุม เตรียมพร้อมแผนเผชิญเหตุรับสถานการณ์น้ำหลาก รวมทั้งความพร้อมบุคลากร เครื่องจักร เครื่องมือ รวมไปถึงระบบสื่อสารสำรอง เพื่อบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมที่จะเข้าไปช่วยเหลือประชาชนได้ทันที

ในส่วนของประชาชน ขอให้ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด จนกว่าจะสิ้นสุดฤดูฝนนี้ โดยสามารถติดตามสถานการณ์น้ำ ได้ที่