วันนี้ (19 ก.ค.65) ผู้สูงอายุที่มีช่วงอายุตั้งแต่ 60 -90 ปีขึ้นไปที่ตามปกติได้รับ"เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ"อยู่แล้ว จะได้รับเงินช่วยเหลือพิเศษ "เงินผู้สูงอายุ" เพื่อเป็นการบรรเทาและลดผลกระทบอันเกิดจากสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยเงินช่วยเหลือดังกล่าวจะได้เพิ่มคนละ 100 -250 บาทต่อเดือน และจ่ายเป็นขั้นบันไดจำนวน 6 เดือนตั้งแต่เมษายน - กันยายน 65
สำหรับงวดแรกที่ได้รับวันนี้ ผู้สูงอายุจะได้รับเงินงวดแรกจำนวน 4 เดือน (เม.ย. -ก.ค.65) หลังจากนั้นกรมบัญชีกลางจะจ่ายให้ในงวดที่ 2 ในเดือนสิงหาคม และงวดสุดท้าย ครั้งที่ 3 ในเดือนกันยายน 2565 ทั้งนี้ไทมไลน์ในการโอนเงินมีดังนี้
งวดแรกวันที่ 19 กรกฎาคม 2565 (จ่ายย้อนหลัง 4 เดือนตั้งแต่เดือนเม.ย.-ก.ค.65)
- อายุ 60-69 ปี ได้รับเงินทั้งหมด 400 บาท
- อายุ 70-79 ปี ได้รับเงินทั้งหมด 600 บาท
- อายุ 80-89 ปี ได้รับเงินทั้งหมด 800 บาท
- อายุ 90 ปีขึ้นไป ได้รับเงินทั้งหมด 1000 บาท
ครั้งที่สองวันที่ 19 สิงหาคม 2565
- อายุ 60-69 ปี ได้รับเงินทั้งหมด 100 บาท
- อายุ 70-79 ปี ได้รับเงินทั้งหมด 150 บาท
- อายุ 80-89 ปี ได้รับเงินทั้งหมด 200 บาท
- อายุ 90 ปีขึ้นไป ได้รับเงินทั้งหมด 250 บาท
ครั้งที่สามวันที่ 19 กันยายน 2565
- อายุ 60-69 ปี ได้รับเงินทั้งหมด 100 บาท
- อายุ 70-79 ปี ได้รับเงินทั้งหมด 150 บาท
- อายุ 80-89 ปี ได้รับเงินทั้งหมด 200 บาท
- อายุ 90 ปีขึ้นไป ได้รับเงินทั้งหมด 250 บาท
ขณะที่เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ(เดิม)ที่จ่ายเดือนละ 600 -1,000 บาท ยังคงได้รับตามปกติ ซึ่งปีงบประมาณ 2565 ในรอบถัดไปจะจ่ายในวันที่ 10 ส.ค.65 และงวดสุดท้ายวันที่ 9 ก.ย.65 โดยการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุมีเกณฑ์ดังนี้
- อายุ 60-69 ปี รับเบี้ยยังชีพจำนวน 600 บาท
- อายุ 70-79 ปี รับเบี้ยยังชีพจำนวน 700 บาท
- อายุ 80-89 ปี รับเบี้ยยังชีพจำนวน 800 บาท
- อายุ 90 ปีขึ้นไป รับเบี้ยยังชีพจำนวน 1,000 บาท
สำหรับผู้สูงอายุที่ยังไม่เคยได้รับสิทธิ์ใดใด และต้องการรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ สามารถศึกษาเงื่อนไขรายละเอียดได้ดังต่อไปนี้
คุณสมบัติ
- สัญชาติไทย
- มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
- ไม่เป็นผู้ได้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ ,รัฐวิสาหกิจหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ระยะเวลาลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
เปิดรับลงทะเบียนตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี
- กรณีผู้สูงอายุที่มีอายุ 59 ปี สามารถลงทะเบียนตั้งแต่ ต.ค.64-พ.ย.64 และเดือนม.ค. 65 -ก.ย.65 โดยจะได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในเดือนถัดไป เมื่ออายุครบ 60 ปีบริบูรณ์
- กรณีผู้สูงอายุที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปและยังไม่เคยลงทะเบียนขอรับเบี้ยยังชีพสามารถลงทะเบียนตั้งแต่ ต.ค. 64 - พ.ย. 64 และ ม.ค. 65 - ก.ย.65 และจะได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ตั้งแต่ต.ค. 65 เป็นต้นไป
หลักฐานประกอบการลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
- บัตรประจำตัวประชาชน หรือ บัตรอื่นที่ออกโดยหน่วยงานรัฐที่มีรูปถ่าย
- ทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน(ที่เป็นปัจจุบัน)
- สมุดบัญชีเงินฝากธนาคารในนามผู้มีสิทธิ / ผู้ได้รับมอบอำนาจจากผู้มีสิทธิ (สำหรับกรณีประสงค์รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุผ่านทางธนาคาร)
ในกรณีที่ผู้สูงอายุไม่สามารถมาลงทะเบียนเองได้ สามารถมอบอำนาจเป็นลายลักษณ์อักษร ให้ผู้อื่นเป็นผู้ยื่นคำร้องขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแทนได้
ช่องทางลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ สามารถติดต่อได้ที่
- กรุงเทพมหานคร ลงทะเบียนที่สํานักงานเขต
- ส่วนภูมิภาค ลงทะเบียนที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำนักงานเทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ที่ผู้สูงอายุมีภูมิลำเนา
หากมีข้อสงสัยเรื่องสิทธิจากเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ สามารถติดต่อได้ที่
- กรมกิจการผู้สูงอายุ อาคารมหานครยิบซั่ม ชั้น 20 โซน B เลขที่ 539/2 ถนนศรีอยุธยา เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400 โทร. 0 2642 4336-9
ที่มาข้อมูล - ภาพ
- กรมบัญชีกลาง
- กรมกิจการผู้สูงอายุ