"ศ.นพ.ประกิต-นพ.ไพศาล" สุดยอด 2 บุคลากรทางการแพทย์ไทยรับรางวัลจาก WHO

27 พ.ค. 2565 | 16:30 น.
อัปเดตล่าสุด :27 พ.ค. 2565 | 23:32 น.
2.4 k

นายกฯ ชื่นชม บุคลากรทางการแพทย์ไทย "ศ.นพ.ประกิต-นพ.ไพศาล" ขึ้นรับรางวัลจาก WHO ระหว่างการประชุมสมัชชาอนามัยโลก สมัยที่ 75 พร้อมขอบคุณทีมไทยแลนด์แสดงศักยภาพด้านสาธารณสุขไทยเป็นที่ยอมรับระดับโลก   

27 พฤษภาคม 2565 นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชื่นชมความสำเร็จของบุคลากรทางการแพทย์จากประเทศไทย 2 ท่าน ที่ได้รับรางวัลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกอบด้วย ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ในรางวัล Dr LEE Jong-wook Memorial Prize for Public Health และนพ.ไพศาล ร่วมวิบูลย์สุข นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ ด้านเวชกรรม สาขาจักษุวิทยา โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ ในรางวัล Sasakawa Health Prize  

 

สำหรับพิธีมอบรางวัลได้จัดขึ้นในวันนี้ (27 พ.ค.) ระหว่างการประชุมสมัชชาอนามัยโลก สมัยที่ 75 ณ  นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ซึ่งในส่วนของ ศ.นพ.ประกิต ติดภารกิจไม่สามารถเดินทางไปรับรางวัลด้วยตนเอง นางสุพัตรา ศรีไมตรีพิทักษ์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสำนักงานสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา จึงเป็นผู้ขึ้นรับรางวัลแทน

 

นพ.ไพศาล ร่วมวิบูลย์สุข ได้มอบรับรางวัล Sasakawa Health Prize  

ทั้งนี้ บุคลากรทางการแพทย์ทั้ง 2 ท่าน ได้รับการยกย่องจาก WHO เนื่องด้วยเป็นผู้ที่มีคุณูปการต่อวงการสาธารณสุข โดย ศ.นพ.ประกิต วาธีสาธกกิจ ได้ทำงานภาคประชาสังคมในการสร้างเสริมสุขภาพ โดยเฉพาะการรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ มีผลงานเชิงประจักษ์เป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ

นางสุพัตรา ศรีไมตรีพิทักษ์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสำนักงานสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา รับรางวัลแทน ศ.นพ.ประกิต วาธีสาธกกิจ ซึ่งติดภารกิจ 

ขณะที่ นพ.ไพศาล ร่วมวิบูลย์สุข เป็นจักษุแพทย์เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคจอประสาทตา ที่มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาตาบอดในประเทศไทย โดยเฉพาะภาวะเบาหวานเข้าจอประสาทตา โดยพัฒนาวิธีการคัดกรอง ริเริ่มโครงการสำคัญ ๆ กระทั่งจำนวนผู้ป่วยที่ตาบอดอันเนื่องมาจากภาวะเบาหวานเข้าจอประสาทตาลดลงอย่างมาก 

นางสาวไตรศุลี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณทีมไทยแลนด์ ทั้งส่วนของกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ร่วมกันผลักดันงานทุกด้านจนระดับสาธารณสุขไทยเป็นที่ยอมรับในระดับโลก อาทิ ความสามารถในการบริหารจัดการกับสถานการณ์โควิด19 ซึ่งจากที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข นำคณะเข้าร่วมประชุม WHA ที่นครเจนีวา ระหว่างวันที่ 22-28 พ.ค. ผู้บริหารของ WHO ก็ได้ให้ความชื่นชมประเทศไทยในเรื่องนี้ และจะนำรูปแบบการบริหารจัดการองไทยไปพัฒนาให้เป็นสากลและใช้กับประเทศต่างๆ ทั่วโลก 

 

ตลอดจนความร่วมมือของไทยกับ WHO ตามโครงการพัฒนาระบบศูนย์กลางทางชีวภาพ หรือ WHO Biohub system ไทยก็เป็นประเทศแรกๆ ที่สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ แสดงถึงขีดความสามารถและมาตรฐานระดับสูงของห้องปฏิบัติการ การถอดรหัสพันธุกรรม การเพาะและส่งต่อเชื้อโรคใหม่ๆ สามารถร่วมกับ WHO ในการศึกษาวิจัยเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่จะรับมือกับโรคได้รวดเร็ว นำไปสู่การวิจัยให้ได้ยา วัคซีนหรือแนวทางการป้องกัน รักษาโรคที่เป็นภัยคุกคามใหม่กับประชาคมโลกที่มีประสิทธิภาพ 

 

"นายกรัฐมนตรีขอบคุณทีมไทยแลนด์ ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์ทุกๆ ท่านที่ทุ่มเทการทำงาน ซึ่งนอกจากจะได้ดูแลคนไทยแล้วยังสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยจนเป็นที่ยอมรับในระดับโลก ทั้งในส่วนการรับมือกับสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 และการดูแลรักษาประชาชนในยามปกติ เป็นกำลังสำคัญที่ช่วยสนับสนุนนโยบายรัฐบาลที่มุ่งมั่นดูแลประชาชนให้เข้าถึงการรักษาพยาบาลด้วยคุณภาพที่ดีและเท่าเทียม" นางสาวไตรศุลี กล่าว