โรคฝีดาษลิง อัพเดทล่าสุด พบผู้ป่วยทั่วโลกแล้ว 344 ราย

27 พ.ค. 2565 | 14:55 น.
อัปเดตล่าสุด :27 พ.ค. 2565 | 22:00 น.
1.2 k

โรคฝีดาษลิง อัพเดทสถานการณ์ล่าสุด กรมควบคุมโรค เผย รายงานพบผู้ป่วยทั่วโลกแล้ว 344 ราย สเปนสูงสุด 120 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นชาย อายุ 20-59 ปี ย้ำ ไทยมีมาตรการคัดกรองคนเข้าประเทศอย่างเข้มงวด ยัน ยังไม่มีผู้ป่วยในประเทศ

27 พฤษภาคม 2565 นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์โรคฝีดาษวานรทั่วโลก หรือ โรคฝีดาษลิง ตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม 2565 ที่มีการรายงานผู้ป่วยรายแรกในประเทศที่ไม่ใช่พื้นที่โรคประจำถิ่นของโรคนี้ โดยข้อมูล ณ วันที่ 26 พฤษภาคม 2565 มีการรายงานผู้ป่วยทั้งหมด 344 ราย (เพิ่มขึ้น 35 ราย) สำหรับประเทศที่มีผู้ป่วยสูง 5 ลำดับแรก คือ

  • สเปน 120 ราย
  • อังกฤษ 77 ราย
  • โปรตุเกส 49 ราย
  • แคนาดา 26 ราย
  • เยอรมัน 13 ราย

ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเพศชายที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้ติดโรค อยู่ในกลุ่มอายุ 20-59 ปี

สำหรับสถานการณ์โรคฝีดาษวานรในประเทศไทย ณ วันที่ 26 พฤษภาคม 2565 ยังไม่พบผู้ป่วยภายในประเทศ แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังและคัดกรองอย่างเข้มงวดที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สำหรับผู้ที่มีประวัติเดินทางมาจากประเทศเสี่ยงที่มีการรายงานพบผู้ป่วย โดยให้เฝ้าระวังสังเกตอาการจนครบ 21 วัน หากมีอาการเจ็บป่วยให้รีบไปพบแพทย์ทันที พร้อมแจ้งประวัติการเดินทางให้แพทย์ทราบ และรายงานเข้าสู่ระบบ Thailand pass เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในประเทศ

ทั้งนี้ โรคฝีดาษวานร เกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่ม Poxviridae พบได้ในสัตว์หลายชนิดไม่ใช่แค่ลิง พบได้ในสัตว์ตระกูลฟันแทะ เช่น กระต่าย กระรอก หนู และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก เป็นต้น

 

การติดต่อจากสัตว์สู่คนเกิดจาก การสัมผัสโดยตรงกับสารคัดหลั่ง หรือตุ่มหนองของสัตว์ที่ติดเชื้อ หรือจากการถูกสัตว์ที่มีเชื้อกัดข่วน การกินเนื้อสัตว์ที่มีเชื้อและปรุงสุกไม่เพียงพอ การติดเชื้อจากคนสู่คนเกิดจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยผ่านทางสารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจ ผิวหนังที่เป็นตุ่ม เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะมีระยะฟักตัวประมาณ 7-14 วัน หรืออาจนานถึง 21 วัน

 

อาการเริ่มแรก จะมีไข้ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง ต่อมน้ำเหลืองโต อ่อนเพลีย จากนั้น 1-3 วัน จะมีผื่นขึ้นบริเวณแขนขา ผื่นจะกลายเป็นตุ่มหนอง ในระยะสุดท้ายจะเป็นสะเก็ดแล้วหลุดออกมา จะมีอาการป่วยประมาณ 2-4 สัปดาห์

 

ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายจากโรคเองได้ ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนหมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำหรือเจลแอลกอฮอล์เมื่อสัมผัสกับสารคัดหลั่งจากสัตว์ พร้อมทั้งรับประทานอาหารที่ปรุงสุกสะอาด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422