"หมอปลา-ทีมงาน" เจอฟ้องจุก ๆ 4 ข้อหาคดีอาญา กรณีจาบจ้วงหลวงปู่แสง

17 พ.ค. 2565 | 06:32 น.
อัปเดตล่าสุด :17 พ.ค. 2565 | 14:03 น.
4.8 k

"หมอปลา" และทีมงาน เจอฟ้องเอาผิดถึง 4 ข้อหาคดีอาญา กรณีนำคณะบุกวัดกล่าวหาหลวงปู่แสง ญาณวโร กระทำอนาจารลวนลามหญิงสาวโดยใช้วิธีล่อให้กระทำความผิด แม้จะมีการกล่าวขอขมาลาโทษต่อหลวงปู่ในภายหลัง ทั้งนี้ ข้อหา "ใส่ความคณะสงฆ์" นั้น เป็นความผิด"อาญาแผ่นดิน"ยอมความไม่ได้  

สืบเนื่องจากกรณี นายจิรพันธ์ เพชรขาว หรือ “หมอปลา” และทีมงาน ได้ร่วมกันบุกวัดเข้าไปกล่าวหา หลวงปู่แสง ญาณวโร ว่ามีการลวนลามกระทำอนาจารหญิงสาว ตามที่เป็นข่าวนั้น วานนี้ (16 พ.ค.) นายรัตน์ภิโพธิ ทวีกัณย์ หรือวิทยา มหาชน คณะกรรมการสมาคมชาวยโสธร พร้อมด้วย นายวรวุฒิ พรหมสุวรรณ ทนายความ ทีมงาน ได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ ร.ต.อ.นครินทร์ สัตตนันท์ ร้อยเวรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรป่าติ้ว จังหวัดยโสธร โดยมี พ.ต.อ.ธวัธชัย สร้อยสวัสดิ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรป่าติ้ว จังหวัดยโสธร เดินทางมารับคำร้องด้วยตนเอง

 

ทางคณะฯ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์เพื่อเอาผิดกับ นายจิรพันธ์ เพชรขาว (หมอปลา) และทีมงาน ที่ได้ร่วมกันบุกวัดเข้าไปกล่าวหา หลวงปู่แสง ญาณวโร ว่ามีการการลวนลามกระทำอนาจารหญิงสาว พร้อมกันนี้ ได้นำหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอของหมอปลาที่มีการเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ต่างๆ และรูปภาพของหมอปลา และทีมงาน นำมามอบให้กับพนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน โดยร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับหมอปลาและทีมงาน ใน 4 ข้อหา เพื่อเป็นบรรทัดฐานให้กับพระพุทธศาสนา

นายจิรพันธ์ เพชรขาว (หมอปลา) เจอฟ้อง 4 ข้อหา

นายรัตน์ภิโพธิ กล่าวว่า ทางสมาคมชาวยโสธรได้มาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษเอาผิดกับหมอปลาและทีมงานที่มาในวันนั้น เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการทุกเรื่องให้กระจ่าง และเป็นบรรทัดฐานให้กับพระพุทธศาสนา

 

ทั้งนี้ นายวรวุฒิ พรหมสุวรรณ ทนายความ เปิดเผยว่า การกระทำของหมอปลาเป็นการย่ำยีพุทธศาสนา ดังนั้น จึงต้องดำเนินคดีหมอปลาและพวก ซึ่งตนได้ปรึกษาทนายทั่วภาคอีสาน สรุปได้ว่าจะแจ้ง 4 ข้อกล่าวหา ประกอบด้วย

  1. นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
  2. พ.ร.บ.คณะสงฆ์ เป็นการใส่ความคณะสงฆ์ให้เสื่อมเสียก่อให้เกิดความแตกแยก
  3. ซ่องโจร
  4. ร่วมกันทำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จเพื่อให้เจ้าพนักงาน หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าหลวงปูได้กระทำความผิดอาญาอย่างใดอย่างหนึ่ง

 

นายวรวุฒิกล่าวว่า ชาวยโสธรจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับหลวงปู่แสง

ในวันเดียวกัน (16 พ.ค.) นายสิทธา มูลหงษ์ ผู้ตรวจราชการ และโฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าวนั้น ล่าสุด พศ. ได้มอบหมายให้ฝ่ายนิติกรประสานไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดยโสธร (พศจ.ยโสธร) แล้ว เพื่อร่วมพิจารณาว่าจะมีการดำเนินคดีตามกฎหมายกับคณะของหมอปลา หรือไม่อย่างไร โดยจะต้องพิจารณาว่าจะดำเนินการตามกฎหมายข้อใดได้บ้าง รวมทั้งจะแจ้งให้ พศจ.ยโสธร ประสานคณะสงฆ์ จ.ยโสธร (ธรรมยุต) ให้พิจารณาดำเนินการกับพระอุปัฏฐาก หรือพระผู้ดูแลหลวงปู่แสง ขณะที่อยู่ที่พักสงฆ์ป่าดงสว่างธรรม ด้วยหรือไม่ เพราะพระทั้ง 2 รูปไม่ได้ดูแลหลวงปู่แสงให้ดี ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าหลวงปู่แสงมีอาพาธ

 

ก่อนหน้านี้ ดร.ธนกฤต วรธนัชชากุล อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ปฏิบัติราชการในหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานประสานงานกระบวนการยุติธรรม “สถาบันนิติวัชร์” สำนักงานอัยการสูงสุด ได้โพสต์ข้อกฎหมายผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุ ประพฤติไม่เหมาะสมต่อ”หลวงปู่แสง ญาณวโร” และคณะสงฆ์วัดป่าดงสว่างธรรม จังหวัดยโสธรนั้น  เมื่อพิจารณาในข้อกฎหมาย อาจมีความผิดฐาน "ใส่ความคณะสงฆ์" อันอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสีย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม "พ.ร.บ.คณะสงฆ์" พ.ศ.2505 มาตรา 44 ตรี ประกอบมาตรา 5 ทวิ ซึ่งเป็นความผิด "อาญาแผ่นดิน" ยอมความไม่ได้ และไม่จำเป็นต้องมีผู้เสียหายร้องทุกข์ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถหยิบยกคดีขึ้นดำเนินการตามกฎหมายด้วยตนเองได้เลย

 

การ "ใส่ความคณะสงฆ์" ตามมาตรา 44 ตรี นี้ เป็นการทำให้ปรากฏข้อเท็จจริงที่อาจจะเป็นความจริงหรือเป็นความเท็จก็ได้ทั้งนั้น ถ้าทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อคณะสงฆ์ก็ถือว่ามีความผิดตามกฎหมายได้ นอกจากนี้ ยังอาจมีความผิดฐาน "หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา" หรือนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จอีกด้วย

 

ด้าน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ในวันนี้ (อังคารที่ 17 พ.ค.) เวลา 10.00 น. จะเดินทางไปยื่นคำร้องต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ไต่สวน สอบสวน เอาผิด ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จังหวัดยโสธร (ผอ.พศ.จ.ยโสธร) และนายอำเภอป่าติ้ว จ.ยโสธร กรณีมีส่วนร่วมกับหมอปลาและพวก และสื่อมวลชน ในการไปจาบจ้วงและข่มขืนใจหลวงปู่แสง ให้รับสารภาพว่าจับเนื้อต้องตัวหญิงสาว โดยใช้วิธีล่อให้กระทำความผิด อันเป็นวิธีการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งนี้ มองว่า ผอ.พศ.จ.ยโสธร และนายอำเภอป่าติ้ว เป็นเจ้าหน้าที่รัฐชั้นผู้ใหญ่ฝ่ายปกครอง กลับมิได้ห้ามปรามตามอำนาจหน้าที่แต่อย่างใด กระทั่งกลายเป็นกรณีที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากถึงความไม่ถูกต้องและไม่เหมาะสมในขณะนี้