ครั้งแรก “กรมขนส่ง” ประมูล 63 ป้ายทะเบียนใส่ชื่อตนเอง โกยรายได้ 282 ล้าน

08 เม.ย. 2565 | 13:58 น.
อัปเดตล่าสุด :08 เม.ย. 2565 | 21:02 น.
735

“กรมขนส่ง” เปิดยอดประมูลป้ายทะเบียนรถใส่ชื่อตนเอง 63 ป้าย ฟาดรายได้เข้ากปถ.กว่า 282 ล้านบาท เล็งเปิดประมูลรอบ 2 อีก 19 หมายเลข คาดโกยรายได้ทะลุเป้า 300 ล้านบาท เริ่ม 22 เม.ย.นี้

นายจิรุตม์ วิศาลจิต อธิบดีกรมขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยความคืบหน้าหลังจากเมื่อวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการเปิดประมูลหมายเลขทะเบียนรถที่มีลักษณะพิเศษ สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคน จำนวน 84 หมายเลขซึ่งจัดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย ณ โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ (รางน้ำ) และทางเว็บไซต์www.tabienrod.com ซึ่งพบว่าได้มีประมูล 82 หมายเลข เนื่องจากอีก 2 หมายเลข  ไม่มีผู้มาวางเงินหลักประกันและลงทะเบียนล่วงหน้า

 

 


ขณะเดียวกันการประมูลป้ายทะเบียนพิเศษจำนวน 82 หมายเลขนั้น ได้เกิดระบบขัดข้องระหว่างที่มีการประมูล ทำให้ประมูลได้เพียง 63 หมายเลข ส่วนอีก 19 หมายเลข ซึ่งค้างที่การประมูล มรรค 8 มีผู้ประมูลอยู่ที่ 2,280,000 บาท โดยมีการเลื่อนจะนำออกไปประมูลในวันที่ 22 เม.ย.นี้  ส่วน 5 หมายเลขที่มียอดประมูลมากที่สุด ได้แก่ “รวย 9999” ประมูลอยู่ที่ 18.5 ล้านบาท  “เศรษฐี 1” ราคาประมูลอยู่ที่ 15.4 ล้านบาท “สวย 1” ราคาประมูลอยู่ที่ 13 ล้านบาท “เศรษฐี 8”ประมูลอยู่ที่ 12.6 ล้านบาท และ “รวย 8888” ราคาประมูล 11.1 ล้านบาท  ส่วน 63 ป้ายที่ประมูลแล้วเสร็จ คิดเป็นเงิน 282 ล้านบาท ซึ่งยังเหลืออีก 19 ป้ายทะเบียนที่จะเลื่อนประมูลในวันที่ 22 เม.ย.2565 คาดว่าจะมียอดประมูลประมาณ 20-30 ล้านบาท 
 

สำหรับการประมูลป้ายทะเบียนพิเศษพบว่ามีผู้ที่สนใจร่วมลงทะเบียนรวม 595 ราย เป็นการร่วมประมูลผ่านทางอินเตอร์เน็ต จำนวน 308 ราย ส่วนการประมูลด้วยวาจาที่ห้องประมูล 287 ราย  โดยเป็นแผ่นป้ายทะเบียนรถที่มีลักษณะพิเศษ ที่สามารถมีตัวอักษรมากกว่าสองตัวหรือมีตัวอักษรผสมสระหรือวรรณยุกต์ รวมกับหมายเลขทะเบียนไม่เกิน 7 หลัก นำมาเปิดประมูล ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) เพื่อนำไปส่งเสริมกิจกรรมทางด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

 

 

นายจิรุตม์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางกระทรวงคมนาคมได้ให้นโยบายว่ากรมฯควรมีการจัดทำป้ายทะเบียนพิเศษออกประมูล เจ้าของรถสามารถกำหนดหมวดเป็นชื่อที่ต้องการและกำหนดตัวเลขเองได้ โดยเสียค่าใช้จ่ายในการจองขอใช้ชื่อและตัวเลขที่ต้องการ เนื่องจากมีหลายประเทศที่ทำในลักษณะดังกล่าว เช่น สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์  และฮ่องกง เป็นต้น  ซึ่งกรมฯได้รับนโยบายมาดำเนินการต่อตั้งแต่แนวทางด้านกฎหมายเพื่อมให้สามารถดำเนินการได้ มาถึงวันนี้ถือว่าเกินความคาดหมาย จากที่ตั้งตั้งเป้าก่อนประมูลไว้ที่ 100 ล้านบาท คาดว่าจบการประมูลที่ 82 ป้าย จะทำให้มียอดสูงถึง 300 ล้าน แน่นอน  
 

อย่างไรก็ตามกรณีที่มีผู้สอบถามว่าจะมีการเปิดประมูลในครั้งหน้าหรือไม่นั้น หากมีผู้ที่สนใจร่วมประมูลเป็นจำนวนมาก จะมีการเปิดประมูลภายในเดือนถัดไป ซึ่งจะมีการรวบรวมความเห็นของประชาชนและความสนใจของประชาชน จะมีการประมูลต่ออย่างแน่นอน