กองปราบฯไล่สอบเส้นทางเงินสร้างวัด-โรงเรียนที่ตราด"โปร่งใส"

07 เม.ย. 2565 | 05:04 น.

    รองผู้บังการกองปราบฯลงพื้นที่ตราด ตามสอบเส้นทางเงินสมเด็จพระวันรัต ที่เข้าบัญชีโรงโม่เพชรสยามศิลาตราด สร้างวัดรัตนวราราม เจ้าของโรงโม่-เจ้าอาวาสวัดรัตนวราราม แจงเอกสารครบ เช่นกันบัญชีก่อสร้างวัดและโรงเรียนวัดคิรีวาส ยังไม่พบพิรุธ คาดคนสนิทยักยอกกองอื่น

 วันที่ 6 เมษายน 2565  เมื่อเวลา 09.00 น.ที่วัดรัตนวราราม อ.บ่อไร่ จ.ตราด วัดสาขาของวัดบวรนิเวศวิหาร  พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รองผบก.ป.) เดินทางพบนายสุรศักดิ์ อิงประสาน เจ้าของบริษัท เพชรสยามศิลาตราด จำกัด และนายพิชานนท์ อิงประสาน ลูกชาย พร้อมพระครูกิตติวัฒนคุณ เจ้าอาวาสวัดรัตนวราราม ที่นัดหมายไว้ เพื่อติดตามเส้นทางการเงิน ที่คนสนิทสมเด็จพระวันรัตทำการยักยอกเงินไปกว่า 200 ล้านบาท

 

โดยการสอบปากคำครั้งนี้ รองผบก.ป.ได้สอบถามในเรื่องเงินที่ทางบริษัท เพชรสยามศิลาตราด จำกัด ได้รับโอนเงินเข้าบัญชีบริษัท ว่ามีรายละเอียดอย่างไร และมีการเบิกจ่ายไปทำอะไร และให้ใคร? รวมทั้งมีธุรกรรมการเงินอย่างไรบ้าง ซึ่งนายสุรศักดิ์ อิงประสาน และพระครูกิตติวัฒนคุณ ได้อธิบายถึงการเบิกจ่าย และนำเอกสารการเบิกจ่ายที่มีกว่า 50-60 หน้า มาแสดงให้พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ ทราบ ซึ่งได้มีการสอบถามในรายละเอียดเพื่อให้ทุกคนได้อธิบายในประเด็นที่ตั้งข้อสงสัย

กองปราบฯไล่สอบเส้นทางเงินสร้างวัด-โรงเรียนที่ตราด\"โปร่งใส\"

  กองปราบฯไล่สอบเส้นทางเงินสร้างวัด-โรงเรียนที่ตราด\"โปร่งใส\"

หลังจากใช้เวลานานกว่าหนึ่งชั่วโมงครึ่งการสอบสวนจึงเเล้วเสร็จ โดยพ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า ที่ต้องเดินทางมาสอบปากคำทั้ง 3 คน เนื่องจากมีเส้นทางการเงินของสมเด็จวันรัต ที่มีการโอนเงินมาจากธนาคารกสิกรสาขาบางลำพู แล้วส่งมาที่บัญชีโรงโม่เพชรสยามศิลาตราด เป็นเงินจำนวนมาก ในการมาก่อสร้างวัดรัตนวราราม ในอำเภอบ่อไร่ รวมมูลค่าเกือบ 200 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาก่อสร้าง   จึงต้องเดินทางตรวจสอบว่า ยอดเงินการโอนและการใช้จ่ายตรงกันหรือไม่ ซึ่งพบว่ามีความโปร่งใส และยอดการโอนตรงกัน

 

ส่วนที่ต้องมีการโอนเงินมายังบัญชีของบริษัท เพชรสยามศิลาตราด จำกัด นั้น เพราะว่า เจ้าของโรงโม่งเป็นผู้บริจาคที่ดินให้สมเด็จฯ เพื่อก่อสร้างวัดกว่า 60 ไร่ จึงดำเนินการโอนเงินมาให้ แต่การเบิกจ่ายจะมีเจ้าอาวาสวัดและคนของสมเด็จฯดูแลและเบิกจ่ายเอง โดยการโอนในแต่ละครั้งนั้นจะมีจำนวนไม่เท่ากันตลอดระยะเวลา 5 -6 ปี นับร้อยครั้ง

กองปราบฯไล่สอบเส้นทางเงินสร้างวัด-โรงเรียนที่ตราด\"โปร่งใส\"

กองปราบฯไล่สอบเส้นทางเงินสร้างวัด-โรงเรียนที่ตราด\"โปร่งใส\"

ซึ่งจากการจรวจสอบทั้งต้นทางและปลายทางไม่มีปัญหา เพราะมียอดตรงกัน ส่วนการที่คนสนิทสมเด็จวันรัตจะมายักยอกเงินจากกองไหนนั้น ไม่ข้อตอบแต่จะอยู่ในสำนวน

 

“ที่ต้องโอนเงินก่อสร้างวัดมาที่บัญชีของโรงโม่ เพราะว่าเจ้าของโรงโม่ได้บริจาคที่ดินให้กว่า 60 ไร่ และช่วงแรกยังไม่เป็นวัดจึงไม่มีการตั้งบัญชีวัด พอมีสถานภาพเป็นวัดแล้วจึงมีผู้รับผิดชอบในการทำธุรกรรม ส่วนการโอนมีจำนวนครั้งมากและมีรายละเอียดมาก แต่ส่วนใหญ่จะดูการยักยอกที่ต้นทางมากกว่า ซึ่งในปลายทางที่มีเจ้าอาวาสวัดและเจ้าของโรงโม่นั้นมีความชัดเจน เรียกว่ามีความโปร่งใสก็แล้วกัน ซึ่งไม่มีข้อพิรุธว่ามีการทุจริตแต่อย่างใด”

 

พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า ในส่วนของการยักยอกที่จะไปเอาเงินจากกองอื่นนั้น ทางตำรวจก็ได้มีการตรวจสอบแล้ว และมีการดำเนินคดีไปแล้ว 2 คดี อีกทั้งสมเด็จวันรัตได้ตั้งเงินก่อสร้างแยกไว้เป็นกอง ๆ และมีการเบิกจ่ายเป็นระบบ ไม่มีการเบิกข้ามกัน จะสร้างโรงเรียน จะสร้างวัดก็ทำไปตามงบประมาณนั้น  และได้ทำการเบิกจ่ายไปตามวัตถุประสงค์

กองปราบฯไล่สอบเส้นทางเงินสร้างวัด-โรงเรียนที่ตราด\"โปร่งใส\"

หลังจากนั้น นายพิชานนท์ อิงประสาน ลูกชายของนายสุรศักดิ์ อิงประสาน กล่าวว่า หลังจากได้แสดงบัญชีทั้งหมด ตั้งแต่การเบิกจากมาทำการก่อสร้างวัด ก็เบิกจ่ายไปตามที่ได้รับมาจากทางสมเด็จ ฯ จึงมีจำนวนกว่า 140 ล้านบาท และเหลือเงินมาอีก 14  ล้านบาท และยอดสุดท้ายโอนเงินมา 19 ล้านบาท เป็นบัญชีของวัดรัตนวรารามใช้ไปส่วนหนึ่งแล้ว 

 

ทั้งนี้ที่ผ่านมากระแสสังคมได้มองว่า เมื่อมีข่าวยักยอกเงินทำให้มุ่งมาที่บริษัทฯ แต่วันนี้ได้เกิดความเข้าใจในการเบิกจ่ายแล้ว ซึ่งไม่ได้รู้สึกกังวลกับเรื่องกฏหมาย แต่กังวลกับกระแสสังคมมากกว่า แต่วันนี้ก็ได้รับทราบอย่างชัดเจนแล้ว และต่อไปการก่อสร้างที่เหลือก็จะได้ดำเนินต่อจนแล้วเสร็จตามวัตถุประสงค์ของท่าน

 

ด้านพระครูกิตติวัฒนคุณ เจ้าอาวาสวัดรัตนวราราม เปิดเผยหลังได้ชี้แจงเงินที่ได้รับการโอนมาจากสมเด็จวันรัต ว่า เพิ่งมารับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดรัตนวรารามได้เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2565 และได้เข้ามาดูแลเงินที่ก่อสร้างตั้งแต่แรก เพราะทั้งหมดโอนมาในบัญชีของโรงโม่เพชรสยามศิลาตราด แต่ยอดล่าสุดที่มีการโอนมาก็คือ 19 ล้านบาท ซึ่งเป็นยอดเงินที่ใช้ในการจ่ายค่าแรงและค่าวัสดุก่อสร้าง รวมทั้งค่าเขียนภาพภายในอุโบสถ แต่ที่ผ่านมามีเจ้าอาวาสองค์เก่าดูแลอยู่ ซึ่งจากการที่แถลงให้กับรองผู้บังคับการกองปราบ ทั้งยอดที่โอนมาจากต้นทางกับยอดที่รับมามียอดตรงกัน ซึ่งแสดงถึงความโปร่งใสและไม่มีการทุจริตใด ๆ

 

“การก่อสร้างวัดยังไม่แล้วเสร็จในขณะนี้ แต่สมเด็จวันรัตได้เสียชีวิตไปก่อน ซึ่งนับจากนี้จะดำเนินการก่อสร้างที่เหลือให้แล้วเสร็จ ทั้งในส่วนที่เป็นกำแพง ภาพวาดในโบสถ์ และไฟฟ้าส่องสว่าง คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ทั้งหมด”

กองปราบฯไล่สอบเส้นทางเงินสร้างวัด-โรงเรียนที่ตราด\"โปร่งใส\"

จากนั้นเวลา 13.30 น.วันเดียวกัน พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ เดินทางไปที่วัดคิรีวิหาร และโรงเรียนวัดคิรีวิหาร(สมเด็จวันรัต อุปถัมภ์) ตำบลชำราก อ.เมืองตราด จ.ตราด เพื่อสอบเส้นทางการเงิน ที่สมเด็จวันรัตได้นำเงินมาก่อสร้าง โดยเฉพาะอาคารเรียนของโรงเรียนวัดคิรีวิหาร(สมเด็จวันรัต อุปถัมภ์) ซึ่งมีนางสาวธิดา เมฆวะทัต ผู้อำนวยการโรงเรียนคีรีวิหาร(สมเด็จวันรัต อุปถัมภ์)ให้การต้อนรับ และชี้แจงถึงงบประมาณการก่อสร้าง โดยระบุว่า เงินที่ทำการก่อสร้างไม่ได้ผ่านบัญชีของทางโรงเรียน แต่จะผ่านบัญชีใครไม่ทราบ ที่ผ่านมาช่วงที่สมเด็จวันรัตยังมีชีวิตอยู่ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ดำเนินการจ่ายเองทั้งหมด ทั้งนี้ ยังไม่พบพิรุธใด ๆ ในการทำธุรกรรม