อุบัติเหตุทางรถยนต์ รู้หรือไม่ 9 อาการมีผลต่อการขับรถ มีอะไรบ้าง ดูที่นี่

16 มี.ค. 2565 | 03:00 น.

อุบัติเหตุทางรถยนต์ รู้หรือไม่ 9 อาการมีผลต่อการขับรถ ควรหลีกเลี่ยงการขับรถคนเดียว มีคนขับให้ปลอดภัยที่สุด มีอะไรบ้าง ดูที่นี่

การเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ หลายกรณีมีสาเหตุจากปัญหาสุขภาพของตัวผู้ขับขี่ ซึ่งมีผลต่อสมรรถนะในการขับขี่ เป็นอันตรายต่อตนเองและผู้ใช้รถใช้ถนน เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณและเพื่อนร่วมทาง จึงนำ 9 อาการมีผลต่อการขับรถ ควรหลีกเลี่ยงการขับรถคนเดียว มีคนขับให้ปลอดภัยที่สุด

 

อุบัติเหตุทางรถยนต์ รู้หรือไม่ 9 อาการมีผลต่อการขับรถ มีอะไรบ้าง ดูที่นี่
 

  • อาการเกี่ยวกับสายตา  

ควรเลี่ยงการขับรถกลางคืน…สำหรับผู้ที่จอประสาทตาเสื่อม จะมองเห็นเส้นทางเวลากลางคืนไม่ชัดเจน ผู้ที่เป็นต้อหิน ต้อกระจก จะมีมุมมองสายตาแคบ มองเห็นไฟจราจรพล่ามัว

 

  • อาการหลงลืม

ส่งผลต่อการตัดสินใจ หรืออาการสมองเสื่อมที่มักพบในผู้สูงอายุ จดจำเส้นทางไม่ได้ อาจเกิดปัญหาขับรถหลงทางได้ 

  • อาการปวดบริเวณต่างๆ

เช่น ปวดข้อเข่า เหยียบเบรก/คันเร่งได้ไม่เต็มที่ หรือกระดูกคอเสื่อม หันคอ หันหน้าดูการจราจรได้ลำบาก  📌หลีกเลี่ยงการขับรถทางไกลเป็นเวลานาน หากเกิดอุบัติเหตุมีความเสี่ยงในการบาดเจ็บรุนแรง

 

  • พาร์กินสัน

การตัดสินใจช้าลง ผู้สูงอายุ และวัยทำงานสามารถเป็นได้ เกิดจากระบบประสาท มักจะสั่นขณะอยู่เฉยๆ เมื่อขยับตัวอาการสั่นก็ทุเลาลง หากมีอาการรุนแรงจะทำให้เกิดภาพหลอน ก่อให้เกิดอันตรายได้ 

 

  • เบาหวาน (ระยะควบคุมไม่ได้)

ความสามารถในการขับขี่ลดลง หากปริมาณน้ำตาลในเลือดต่ำ จะทำให้หน้ามืด ตาพร่ามัว ใจสั่น หมดสติได้ สำหรับผู้ที่อาการไม่รุนแรงหากจำเป็นต้องขับรถควรเตรียมลูกอม น้ำหวาน ทานระหว่างขับรถเพื่อป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ 

 

  • ลมชัก

เกิดจากความผิดปกติของการส่งสัญญาณไฟฟ้าในสมอง หากมีสิ่งกระตุ้น เช่น ความเครียด อาจชักเกร็ง-กระตุก/เหม่อนิ่งไม่รู้สึกตัว ‼️สูญเสียความสามารถในการควบคุมตนเองไปชั่วขณะ ไม่ควรขับรถ ควรปรึกษาและได้รับคำแนะนำจากแพทย์

 

  • อาการป่วย

ซึ่งต้องกินยาบางชนิด ที่มีผลทำให้ง่วงซึมหรือง่วงนอน มึนงง สับสนได้เวลาขับรถ การตอบสนองในขับขี่ทำได้ไม่ดีเหมือนเดิม ควรเลี่ยงการขับขี่ หากมีความจำเป็นต้องขับรถควรปรึกษาแพทย์

 

  • โรคหลอดเลือดในสมอง

ความไวของการตอบสนองต่อเหตุการณ์ลดลง ไม่มีแรงในการบังคับพวงมาลัยหรือเปลี่ยนเกียร์ เพื่อความปลอดภัย ควรปรึกษาแพทย์และรักษาอาการของโรคให้หายเป็นปกติก่อนกลับมาขับรถ

 

  • โรคหัวใจ

หากขับรถนานๆ เครียดกดดันจากรถติด หรือมีเหตุให้ตกใจกับสถานการณ์ตรงหน้า ‼️ อาจทำให้แน่นหน้าอก เจ็บหน้าอก หัวใจวายเฉียบพลันได้ นำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรง

 

ที่มา : กรมการขนส่งทางบก PR.DLT.News
.