รายงานโควิดวันนี้สถานการณ์ทั่วโลกโอมิครอนครองแล้ว 99.1%

23 ก.พ. 2565 | 09:13 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ก.พ. 2565 | 16:14 น.

รายงานโควิดวันนี้สถานการณ์ทั่วโลกโอมิครอนครองแล้ว 99.1% หมอธีระชี้ไทยมีสถานการณ์สวนกระแสโลก ระบุติดเชื้อใหม่เพิ่มสูงถึง 22% และเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 22%

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)" โดยมีข้อความว่า 

 

23 กุมภาพันธ์ 2565  ทะลุ 427 ล้านแล้ว 

 

เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มสูงถึง 1,573,163 คน ตายเพิ่ม 7,761 คน รวมแล้วติดไปรวม 427,885,338 คน เสียชีวิตรวม 5,923,006 คน

 

5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ เยอรมัน รัสเซีย บราซิล เกาหลีใต้ และฝรั่งเศส

 

จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ/ใต้ ซึ่งรวมกันคิดเป็น 96.84% ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็น 96.95%

 

ล่าสุดจำนวนติดเชื้อใหม่จากทวีปยุโรปนั้นคิดเป็น 50.27% ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็น 47.05%

 

เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 9 ใน 10 อันดับแรก และ 17 ใน 20 อันดับแรกของโลก

อัพเดต Omicron (โอมิครอน)

 

องค์การอนามัยโลกเผยแพร่รายงาน WHO Weekly Epidemiological Update ล่าสุดเมื่อวานนี้ 22 กุมภาพันธ์ 2565 

 

ภาพรวมสัปดาห์ที่ผ่านมา จำนวนติดเชื้อใหม่ของทั้งโลกลดลง 21% และเสียชีวิตลดลง 8% (ถ้าเปรียบเทียบกับไทย หากดูข้อมูลจาก Worldometer มาประกอบ จะพบว่าไทยเรามีสถานการณ์สวนกระแสโลก เพราะติดเชื้อใหม่เพิ่มสูงถึง 22% และเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 22%)

 

โดยนำเสนอข้อมูลจาก GISAID ที่ชี้ให้เห็นว่า Omicron นั้นมีสัดส่วนการระบาดทั้งโลกสูงถึง 99.1% แล้ว ส่วนในเดลตาเหลือเพียง 0.8% และอัลฟ่าน้อยกว่า 0.1%

 

โอมิครอนครองโลก 99.1%

 

ทั้งนี้ Omicron มีสายพันธุ์ย่อยหลายสายพันธุ์ ได้แก่ BA.1 BA.2 และ BA.3 มีข้อมูลติดตามการระบาดพบว่า BA.2 มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มจาก 12.23% ในช่วงปลายมกราคม มาเป็น 35.8% ในปัจจุบัน จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด 

 

เหนืออื่นใดการป้องกันตัวอย่างเป็นกิจวัตรจะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อแพร่เชื้อได้แน่นอน

สถานการณ์ไทยเรา

 

การระบาดยังคงเป็นไปอย่างรุนแรง กระจายไปทั่ว 

 

กลไกนโยบายด้านสาธารณสุขนั้นยังไม่สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์จริงได้ (Responsiveness) ดังจะเห็นได้จากรายงานข่าวในแต่ละวันที่เห็นคนติดเชื้อและไม่สามารถเข้าถึงบริการดูแลรักษาได้ ทั้งในกลุ่มคนที่ไร้ที่อยู่อาศัย คนที่มีที่พักอาศัยคับแคบแออัด รวมถึงครอบครัวที่มีเด็กเล็กติดเชื้อมีอาการป่วย

 

ปัญหาการรับรู้สถานการณ์จริง และการเกาไม่ถูกที่คัน สะท้อนให้เห็นภาพปัจจุบัน ที่ฝ่ายนโยบายยืนยันว่าเตียงเพียงพอ ไม่มีปัญหาคนต้องนอนข้างถนน ตรวจสอบกับเหล่าข้าราชการแล้ว แต่สวนกระแสข่าวที่ประชาชนเห็น

 

สิ่งที่จำเป็นต้องทำอย่างเร่งด่วนคือ การดูแลผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว (และเหลือง) จำนวนมากที่ต้องการการดูแล ให้คำปรึกษา จัดหาที่พักกักตัวที่เหมาะสมให้เพียงพอ และให้การดูแลรักษาอย่างทันท่วงที 

 

ควรตระหนักว่ามีคนจำนวนมากที่ไม่สามารถทำ home isolation ได้ แตกต่างจากในต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีอีกไม่น้อยที่ยังไม่มีความรู้และทักษะเพียงพอในการจัดการตนเองและครอบครัวยามที่เกิดการติดเชื้อหรือป่วย

 

เหนืออื่นใด ปรากฏการณ์ทั้งหลายทั้งปวงที่เห็นอยู่นี้ย่อมสะท้อนให้เห็นว่านโยบายการควบคุมป้องกันโรคยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ หากมัวแต่เหยียบคันเร่งเศรษฐกิจ การระบาดในประเทศจะหนักหนากว่าเดิมและส่งผลกระทบย้อนกลับมาทั้งด้านปัญหาสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคมระยะยาว

 

ย้ำอีกครั้งว่า Long COVID จะเป็นภาระใหญ่สำหรับบุคคล ครอบครัว และประเทศ จึงควรดำเนินนโยบายโดยดำรงตนบนพื้นฐานของความไม่ประมาท