ปลัด มท. ส่งหนังสือด่วนที่สุด แจ้งผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด Work from Home ถึง 31 ม.ค.

09 ม.ค. 2565 | 14:29 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ม.ค. 2565 | 21:29 น.
3.0 k

ด่วนที่สุด “ปลัด มท. “ ส่งหนังสือแจ้ง “ผู้ว่าฯทั่วประเทศ” กำหนดเขตพื้นที่สถานการณ์เป็นพื้นที่ควบคุม 69 จังหวัด /กำหนดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว 26 จังหวัด ย้ำให้ปฏิบัติตามแนวทางคุมโควิด-19 พร้อมทำความเข้าใจ ผู้ประกอบการ- ผู้ได้รับผลกระทบ เคร่งครัด

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก ศูนย์โควิดฯ กระทรวงมหาดไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า วันนี้ (วันที่ 8 มกราคม 2565 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ประทับตราหนังสือ ด่วนที่สุด เลขที่ มท 0230/ว 158 จาก ปลัดกระทรวงมหาดไทย ถึง ปลัดกรุงเทพมหานคร และผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ด้วยนายกรัฐมนตรีลงนามในข้อกำหนดฯ และคำสั่งฯ รวม  3 ฉบับ ดังนี้

 

1. ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 41) ลงวันที่ 8  มกราคม 2564 มีผลตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2565 โดยมีข้อกำหนดและข้อปฏิบัติในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้

 

          1.1 การปรับปรุงเขตพื้นที่จังหวัดตามพื้นที่สถานการณ์และการกำหนดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวเพิ่มเติม

          1.2 การขยายเวลาการบังคับใช้มาตรการควบคุมและป้องกันโรค

          1.3  การปรับปรุงมาตรการควบคุมแบบบูรณาการในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว

          1.4  การเตรียมความพร้อมของสถานบริการหรือสถานที่เสียงต่อการแพร่โรคทั่วราชอาณาจักร

          1.5  การปรับแนวปฏิบัติเพื่อการดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเพิ่มเติม

          1.6  การยกระดับการปฏิบัติงานเพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาด

 

2. คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19)(ศบค.) ที่ 1/2564 เรื่อง พื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุม และพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ลงวันที่ 8 มกราคม 2565 มีผลตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2565กำหนดเขตพื้นที่สถานการณ์เป็นพื้นที่ควบคุม 69 จังหวัด และกำหนดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว 26 จังหวัด

3. คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) (ศบค.) ที่ 2/2565 เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548(ฉบับที่ 21) ลงวันที่ 8 มกราคม 2565 มีผลตั้งแต่วันที่ 11  มกราคม 2565  ให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน และพนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรครายละเอียดปรากฏตามสำเนาข้อกำหนดฯ และคำสั่งฯ ที่ส่งมาพร้อมนี้

 

ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย(ศบค.มท.) พิจารณาแล้ว ขอให้กรุงเทพมหานครและจังหวัดดำเนินการตามข้อกำหนดฯ และคำสั่งฯ ข้างต้น ดังนี้

 

1. รับทราบและถือปฏิบัติตามข้อกำหนดฯ และคำสั่งฯ ดังกล่าวในส่วนที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด สร้างการรับรู้แก่ผู้ประกอบการ พนักงาน ผู้ให้บริการ ผู้รับบริการ ประชาชน และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องทุกระดับว่า มาตรการตามข้อกำหนดดังกล่าวมีเจตนารมณ์เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กลายพันธุ์สายพันธุ์โอมิครอน(Omicron) ซึ่งประเทศไทยเริ่มตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าวมากขึ้นเป็นลำดับ

3. การปรับปรุงเขตพื้นที่จังหวัดตามพื้นที่สถานการณ์และการกำหนดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว สำหรับจังหวัดที่ได้ปรับระดับเขตพื้นที่สถานการณ์ขึ้นหม่ตามคำสั่ง ศบค. ที่ 1/2565  ซึ่งออกตามข้อกำหนดๆ (ฉบับที่41 ) นี้ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเตรียมการด้านบุคลากร สถานที่ และประชาสัมพันธ์เพื่อแจ้งเตือนให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมเพื่อการดำเนินการตามมาตรการ ข้อห้ามและข้อปฏิบัติต่าง ๆ เป็นการล่วงหน้า

 

4. การขยายเวลาการบังคับใช้มาตรการควบคุมและป้องกันโรค ให้บรรดามาตรการควบคุมแบบบูรณาการ ข้อห้าม ข้อยกเว้น และข้อปฏิบัติสำหรับพื้นที่สถานการณ์ระดับต่าง ๆ รวมทั้งมาตรการเตรียมความพร้อมตามข้อกำหนดๆ (ฉบับที่ 39) ลงวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2564 ได้แก่ การห้ามจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพรโรค กิจกรรมการรวมกลุ่มของบุคคลที่สามารถจัดได้โดยไม่ต้องขออนุญาต การปฏิบัติงานนอกสถานที่ของเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่าง ๆ มาตรการควบคุมแบบบูรณาการจำแนกตามพื้นที่สถานการณ์ และมาตรการควบคุมแบบบูรณาการในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไป

 

ในส่วนของการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่าง ๆ ให้หัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ เจ้าของกิจการหรือผู้ประก๊อบการภาคเอกชน พิจารณาเพื่อดำเนินมาตรการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่นอกสถานที่ตั้งหน่วยงานหรือสถานประกอบการ (Work From Home) ตามความเหมาะสมเพื่อการเฝ้าระวังป้องกันการระบาดของโรคโดยให้ดำเนินมาตรการนี้ต่อเนื่องไป จนถึงวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2565

 

5. การปรับปรุงมาตรการควบคุมแบบบูรณาการในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว สำหรับพื้นที่ที่ประกาศเป็นพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวให้ดำเนินการตามมาตรการควบคุมแบบบูรณาการเพื่อการเปิดสถานที่ กิจการ และกิจกรรมสำหรับพื้นที่สถานการณ์ที่จำแนกเป็นเขตพื้นที่เฝ้าระวัง ตามที่ได้กำหนดไว้ในข้อ 6 (5) และข้อ 8 ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9แห่งพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2558 (ฉบับที่ 37) ลงวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2564 กรณี การบริโภคสุรา

 

หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอออล์ในร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มที่อยู่ในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว จะเปิดให้บริการได้เฉพาะร้านที่ผ่านการตรวจประเมินตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย (Amazing Thailand Safety and Health Administration) ในระดับ SHA PLUS ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

 

หรือผ่านการตรวจมาตรฐานความสะอาดปลอดภัยป้องกันโรค COVID - 19 รองรับสุขภาพดีวิถีใหม่ (Thai Stop Covid 2 Plus) ของกระทรวงสาธารณสุขโดยกรมอนามัยแล้วเท่านั้น และให้บริการบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้านได้ไม่เกินเวลา 21.00 น. ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครหรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดแล้วแต่กรณี พิจารณากำหนดมาตรการควบคุมแบบบูรณาการเพิ่มเติมได้ตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในแต่ละพื้นที่

 

6. การเตรียมความพร้อมของสถานบริการหรือสถานที่เสี่ยงต่อการแพรโรคทั่วราซอาณาจักรสถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ หรือสถานที่อื่นที่มีลักษณะคล้ายกันทั่วราชอาณาจักรยังคงมีความจำเป็นให้ปิดดำเนินการไว้ก่อน หากผู้ประกอบการหรือผู้มีหน้าที่รับผิดชอบสถานที่ได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขแล้ว และประสงค์จะปรับรูปแบบของสถานที่ดังกล่าว

 

 เพื่อการให้บริการในลักษณะที่เป็นร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มจะต้องได้รับการตรวจสอบและประเมินความพร้อมของสถานที่ บุคลากร และการจัดการตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคที่กำหนด และต้องได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครหรือคณะกรรมกรโรคติดต่อจังหวัด แล้วแต่กรณี ภายในวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2564 ก่อนเปิดให้บริการได้ภายใต้การกำกับติดตามของพนักงานเจ้าหน้าที่อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ การให้บริการบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในสถานที่ที่ได้ปรับรูปแบบเป็นร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวจะต้องดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดไว้ในข้อ 5 ด้วย

 

7. การปรับแนวปฏิบัติเพื่อการดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเพิ่มเติม ให้ สบค. มีคำสั่งเพื่อปรับปรุงหรือเพิ่มเติมแนวปฏิบัติเพื่อให้หัวหน้ำผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินและพนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาด จากที่ได้ประกาศไว้ในคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ที่ 25/2564 เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์กเฉิน พ.ศ. 2548(ฉบับที่ 20) ลงวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2564

 

8. การยกระดับการปฏิบัติงานเพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาด ด้วยการประเมินสถานการณ์แพร่ระบาดที่จำนวนผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ให้พนักงานเจ้าหน้าที่และทุกหน่วยงานยกระดับการปฏิบัติงานตามที่ได้มีคำสั่งมอบภารกิจไว้แล้วในคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ที่ 14/2564 เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9

 

แห่งพระราชกำหนดการบริหารราซการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 15) ลงวันที่ 30กันยายน พ.ศ. 2564 เพื่อการตรวจสอบและกำกับติดตามการเปิดดำเนินการของสถานที่ การดำเนินกิจการและกิจกรรมต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับมาตรการป้องกันและควบคุมโรค และตามแผนปฏิบัติการรองรับการเปิดประเทศตามนโยบายของรัฐบาล โดยจะได้มีการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายนี้เป็นระยะ ทั้งนี้ ให้กรุงเทพมหานครและจังหวัดเตรียมความพร้อมโดยจัดให้มีระบบศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน(Emergency Operations Center : EOC) เพื่อการปฏิบัติงานของหน่วยงานทุกภาคส่วนในพื้นที่ อย่างบูรณาการ

 

โดยอาจขอรับการสนับสนุนจากศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (สปม. และให้หน่วยงานที่รับผิดชอบยกระดับการปฏิบัติงานของศูนย์ป ระสานงานข้อมูล (call center) ในทุกระบบเพื่อการดำเนินงานอย่างสอดคล้อง พร้อมรองรับการให้ความช่วยเหลือและบริการแก่ประชาชน

 

9. กรณีคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร หรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดได้มีมติให้ออกประกาศหรือคำสั่ง ให้ส่งประกาศหรือคำสั่งให้ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไรรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย (สบค.มท.) โดยเร็ว เพื่อรายงานสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อประกาศ ในราซกิจจานุเบกษาต่อไป รวมทั้งประซาสัมพันธ์ให้ประขาซนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้รับทราบประกาศหรือคำสั่งโดยทั่วกัน