เตรียมตัว ไปที่สาธารณะ ต้องแสดงหลักฐานฉีดวัคซีนโควิดอย่างน้อย 1 เข็ม

17 พ.ย. 2564 | 16:03 น.
อัปเดตล่าสุด :17 พ.ย. 2564 | 23:31 น.
6.0 k

ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ยืนยัน สธ. เตรียมออกมาตรการไปที่สาธารณะ ต้องแสดงหลักฐานฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างน้อย 1 เข็ม เป็นข่าวจริง

ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม เปิดเผยกรณีมีข่าว สธ. เตรียมออกมาตรการไปที่สาธารณะ ต้องแสดงหลักฐานฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างน้อย 1 เข็ม จริงหรือ ? ระบุว่า

 

ตามที่มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับประเด็นเรื่อง สธ. เตรียมออกมาตรการไปที่สาธารณะ ต้องแสดงหลักฐานฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างน้อย 1 เข็ม ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง

ข่าวจริงสธ. สธ.เตรียมออกมาตรการไปที่สาธารณะ ต้องแสดงหลักฐานฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างน้อย 1 เข็ม

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2564 ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมรองอธิบดีกรมอนามัย และผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในสภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค ร่วมแถลงสถานการณ์โควิด 19 ,ความคืบหน้าการฉีดวัคซีนและมาตรการความปลอดภัยด้านสาธารณสุขรองรับการเปิดประเทศ โดยขณะนี้ประเทศไทยมี 4 ปัจจัยที่ทำให้มีความเสี่ยงจะเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ได้แก่ การเปิดประเทศ การเปิดเรียน การผ่อนคลายให้กิน-ดื่มในร้านอาหารได้ และการรวมตัวทำกิจกรรมต่างๆ ได้จำนวนหนึ่ง

 

กระทรวงสาธารณสุขจึงมุ่งเน้นการดำเนินงาน 4 ส่วน ได้แก่ 1. V- Vaccine เร่งรัดการฉีดวัคซีนให้ทุกคนบนแผ่นดินไทยให้ได้ 100 ล้านโดส 2. U- Universal Prevention ให้ประชาชนใช้มาตรการป้องกันตนเองสูงสุด 3. C-COVID Free Setting ร้านค้า/สถานประกอบการใช้มาตรการพื้นที่ปลอดโควิด 19 และ 4. A-ATK ใช้ชุดตรวจคัดกรองเมื่อมีความเสี่ยง เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับคนในประเทศ ช่วยให้ก้าวผ่านวิกฤตโควิด 19 และได้ฉลองปีใหม่อย่างมีความสุข

สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด 19 ขณะนี้ฉีดได้ถึง 85 ล้านโดสแล้ว ตั้งเป้าให้ได้ 100 ล้านโดสในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยให้หน่วยงานฝ่ายปกครองในพื้นที่สำรวจ ติดตามประชาชนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนให้มาฉีดให้มากที่สุด รวมไปถึงแรงงานต่างด้าวทั้งที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย แบ่งเป็นเข็ม 1 จำนวน 8 ล้านโดส เข็ม 2 และ เข็ม 3 รวม 5.8 ล้านโดส

 

ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขจะปรับรูปแบบการฉีดวัคซีนให้สะดวกกับประชาชนมากขึ้น เช่น จัดทีมฉีดวัคซีนเชิงรุกให้ผู้สูงอายุ คนติดบ้านติดเตียง จัดสัปดาห์รณรงค์การฉีดวัคซีน เป็นต้น มหาวิทยาลัยและโรงเรียนแพทย์จะสื่อสารทำความเข้าใจและให้ข้อมูลวัคซีนแก่ประชาชนอย่างถูกต้อง ส่วนผู้ประกอบการจะช่วยจัดระบบป้องกันไม่ให้มีการติดและแพร่เชื้อได้ และดูแลให้พนักงานได้รับวัคซีนครบโดส

 

โดยในส่วนของศบค. มีแนวคิดที่จะส่งเสริมให้กลุ่มเป้าหมายเข้ามาฉีดวัคซีนมากขึ้น โดยอาจพิจารณาเรื่องการแสดงผลการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 โดส เมื่อทำกิจกรรมต่างๆ ในที่สาธารณะ เพื่อความปลอดภัยและถือเป็นความรับผิดชอบต่อสังคม รวมถึงอาจเพิ่มมาตรการจูงใจต่างๆ

 

สำหรับสถานการณ์ประเทศไทยขณะนี้ภาพรวมมีแนวโน้มลดลง แต่ยังพบการติดเชื้อต่อเนื่องบางจุด เช่น เรือนจำ กลุ่มแรงงานประมง แคมป์ก่อสร้าง ค่ายฝึกทหาร สถานประกอบการ ตลาด และการจัดพิธีกรรมทางศาสนา เป็นต้น

 

สถานการณ์ที่มีผู้ติดเชื้อลดลงมีส่วนทำให้ประชาชนคลายความกังวลและไม่ไปรับการฉีดวัคซีน จึงขอย้ำให้ผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนรีบมารับการฉีด เพื่อป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตเนื่องจากการใช้ชีวิตประจำวันทั่วไปก็มีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อโควิด 19 ได้ สำหรับประชาชนที่ไม่สะดวกเดินทางมาฉีดวัคซีนที่จุดบริการ สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ให้ได้รับการฉีดเชิงรุก สำหรับพื้นที่ที่มีการปรับเปลี่ยนมาตรการ ขอให้สถานประกอบการปฏิบัติตาม และศึกษาแนวทางอย่างเคร่งครัด

 

พื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับมาตรการต่าง ๆ ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ https://ops.moph.go.th/public/ หรือโทร. 02 5901000

 

หน่วยงานที่ตรวจสอบ : สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข

 

ขณะที่ พญ.สุมณี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงฯ กรมควบคุมโรค ได้กล่าวในการแถลงข่าวของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ช่วงหนึ่งเมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2564 ถึงความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ว่า มีผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น 659,381 ราย

คิดเป็นเข็มที่ 1 สะสม 63.4 % เข็มที่ 2 สะสม 52.1 % และเข็มที่ 3 สะสม 3.49% โดยเป้าหมายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ ควรได้รับวงัคซีนเข็มที่ 1 ครอบคุลมประชากรทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า 70% 

"อัตราการฉีดเข็มที่ 1 น้อยกว่าเข็มที่ 2 เกือบครึ่ง เป็นเข็มที่ 1 สองแสนกว่าโดส เข็มที่ 2 สี่แสนกว่าโดส เมื่อไปสำรวจพบว่า ยังมีผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนเลยอีกประมาณ 11 ล้านคน ต้องขอความร่วมมือภาคส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชนในพื้นที่ ช่วยกันเร่งรัดการฉีดวัคซีนในพื้นที่ต่างๆให้มากขึ้น"พญ.สุมณี กล่าว