"Covid Zero" ประเทศสุดท้ายในโลก จีนยืนยันกำจัดโควิด-19 ให้หมดประเทศ

25 ต.ค. 2564 | 18:54 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ต.ค. 2564 | 01:56 น.
2.4 k

หมอเฉลิมชัยเผยประเทศจีนยังยืนยันนโยบาย Covid Zero ชี้เป็นประเทศสุดท้ายในโลก เร่งล็อกดาวน์เมืองชายแดนมองโกเลียทันที

รายงานข่าวระบุว่า น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า
Covid Zero ประเทศสุดท้ายในโลก จีนล็อกดาวน์เมืองชายแดนมองโกเลียทันที เดินหน้านโยบายต่อสู้กับโควิดแบบให้หมดไป จาก 205 ประเทศ ที่มีผู้ติดเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 (covid-19
ในช่วงเวลาเริ่มต้น หลายประเทศตั้งเป้าหมายที่จะกำจัดไวรัสให้หมดไปจากประเทศ หรือให้โควิดเท่ากับศูนย์ (Covid Zero) แต่เมื่อเวลาผ่านไป โควิดมีการกลายพันธุ์ มีการแพร่เชื้อที่รวดเร็วกว้างขวางขึ้น และวัคซีนไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ 100%
จึงทำให้หลายประเทศเปลี่ยนแปลงนโยบาย จากที่เคยเข้มข้น เช่น สิงคโปร์ นิวซีแลนด์ มาเป็นผ่อนคลาย ควบคุมให้มีการติดเชื้อในระดับหนึ่งที่ยอมรับได้ และดำเนินกิจกรรมทางสังคมและเศรษฐกิจต่อไป

ขณะนี้เหลือประเทศจีน เป็นประเทศเดียวในโลกหรือเป็นประเทศสุดท้าย ที่ยังคงใช้นโยบาย Covid Zero และก็ทำได้ดี มีความหวังพอสมควร แต่เมื่อเกิดมีไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตา ซึ่งแพร่เชื้อได้รวดเร็วกว้างขวางกว่าสายพันธุ์เดิมนับเท่าตัว ทำให้รัฐบาลจีนและประชาชน ต้องออกแรงและใช้ความพยายามเพิ่มมากขึ้น ในการควบคุมผู้ติดโควิด

จีน ยืนยันนโยบาย Covid Zero
วันนี้ (25 ต.ค. 2564) มีประกาศทางการจีน ล็อกดาวน์ตามนโยบายเดิมคือ รวดเร็ว เข้มข้น ทันที และคุมให้อยู่ โดยทำการล็อกดาวเขต Ejin มณฑลอินเนอร์มองโกเลีย (Inner Mongolia) ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ติดกับชายแดนประเทศมองโกเลีย ทำให้ประชาชน 35,700 คน จะต้องอยู่แต่ในบ้าน ตั้งแต่วันนี้ 25 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป โดยมีคำเตือนว่า ผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าว จะต้องรับผิดทางอาญาด้วย
เหตุที่ต้องมีการล็อกดาวน์ในเขตดังกล่าว เนื่องจากพบว่าในจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งประเทศจีนนั้น หนึ่งในสามมาจากเขต Ejin นี่เอง

การล็อกดาวน์เกิดขึ้น หลังจากที่มีคำเตือนก่อนหน้านี้แล้ว จากคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนว่า
การระบาดย่อย (Outbreak) หรือเป็นคลัสเตอร์โดยสายพันธุ์เดลตา จะส่งผลให้สถานการณ์โควิดของประเทศเปลี่ยนแปลงไป และหลังจากที่ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ มีผู้ติดเชื้อมากถึง 11 มณฑล เฉพาะในวันจันทร์มีผู้ติดเชื้อ 38 ราย และครึ่งหนึ่งมาจากมณฑลอินเนอร์มองโกเลีย
ในกรุงปักกิ่งเมืองหลวงเอง ก็มีผู้ติดเชื้อราว 10 ราย และพบว่าเกือบทั้งหมด มาจากทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือคือ มณฑลอินเนอร์มองโกเลีย
กรุงปักกิ่งจึงได้ออกประกาศมาตรการ ห้ามประชาชนจากเมืองที่มีผู้ติดเชื้อเดินทางเข้าสู่กรุงปักกิ่ง ถ้าจำเป็นจะต้องเข้ามา จะต้องมีผลตรวจเป็นลบ และจะถูกประเมินทางสาธารณสุขเป็นเวลาสองสัปดาห์ที่อยู่ในกรุงปักกิ่งด้วย
มณฑลที่มีเคสนอกจากเมืองปักกิ่งแล้วก็คือ Inner Mongolia Gansu Ningxia และ Guizhou ให้งดการเดินทางระหว่างเมือง หลังจากพบว่าการติดเชื้อ มักจะมาจากกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่เดินทางข้ามเมืองหรือมณฑล
ขณะนี้จีนจึงเป็นประเทศเดียวในโลก ที่ได้ตั้งเป้าหมาย จะกำจัดเชื้อไวรัสโคโรนาก่อโรคโควิดให้หมดไปจากประเทศให้ได้ ไม่ยอมรับนโยบายการอยู่ร่วมกันกับโควิดเหมือนกับบางประเทศ
ไวรัสสายพันธุ์เดลตา เป็นปัจจัยที่สำคัญ ทำให้จีนต้องทำงานหนักขึ้น จากความสามารถของไวรัส ในการแพร่ระบาดที่รวดเร็วกว่าไวรัสสายพันธุ์เดิม
จีนใช้มาตรการเข้มข้นแบบ รวดเร็ว ทันที เสมอ เมื่อพบเคส ได้แก่ ห้ามออกจากบ้าน ห้ามเดินทางข้ามเมือง ทดสอบเชิงรุกทุกรายในพื้นที่ที่พบการติดเชื้อ และทำซ้ำหลายครั้ง จนกว่าจะแน่ใจ เพื่อที่จะกลับมาสู่นโยบาย Covid Zero
เป็นกรณีศึกษาที่น่าติดตาม หลังจากที่หลายประเทศที่เคยใช้นโยบายจะทำให้เป็น Covid Zero เช่น นิวซีแลนด์และสิงคโปร์ ก็ยอมแพ้ยกธงขาวต่อไวรัสไปแล้ว และยอมรับนโยบายการอยู่ร่วมกันกับไวรัสต่อไป
ขณะนี้ประเทศจีนอยู่ในการติดเชื้อลำดับที่ 113 ของโลก มีผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่ม 39 ราย สะสม 96,797 ราย และเสียชีวิต 4636 ราย ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับประชากร 1,439 ล้านคน