คำนูณ ประกาศจุดยืน โหวตค่ำแก้ รธน.บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ

09 ก.ย. 2564 | 14:34 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ก.ย. 2564 | 21:42 น.
720

คำนูณ สิทธิสมาน ประกาศจุดยืนไม่ขอโหวตเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม เปลี่ยนระบบเลือกตั้งเป็น MMM บัตร 2 ใบ แน่นอน

การประชุมร่วมกันของรัฐสภาที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (10 ก.ย.) เป็นที่น่าจับตาโดยเฉพาะวาระสำคัญ คือ การพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ …) พุทธศักราช  (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 และมาตรา 91) เพื่อลงมติในวาระที่ 3 ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 265 (5) หลังจากที่ประชุมร่วมรัฐสภา มีมติเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระที่ 2  

ขณะที่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ยังเป็นที่จับตาว่าจะเดินไปถึงจุดหมายได้หรือไม่ เพราะยังมีบาง ส.ว.มีความกังวลใจ

ล่าสุด นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัว Kamnoon Sidhisamarn ประกาศจุดยืนชัดเจนว่า ในการโหวตวาระ 3 วันศุกร์ที่ 10 กันยายน 2564 นี้ จะไม่ขอโหวตเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเปลี่ยนระบบเลือกตั้งเป็น MMM บัตร 2 ใบ 400 : 100 คู่ขนาน อย่างแน่นอน

โดยนายคำนูณ ยังอธิบานว่า เมื่อ 24 มิถุนายน 2564 วาระ 1 ชั้นรับหลักการ ผมไม่ได้โหวตเห็นชอบกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญเปลี่ยนระบบเลือกตั้งไปเป็นระบบ MMM บัตร 2 ใบ 400 : 100 คู่ขนาน ตามแบบรัฐธรรมนูญ 2540 ไม่ว่าจะเป็นร่างของพรรคไหน โดยโหวตไม่รับหลักการ 1 ร่าง งดออกเสียง 2 ร่าง ด้วยเหตุผลโดยสรุปว่าเป็นระบบเลือกตั้งที่เป็นการสมนาคุณที่นั่งส.ส.ให้กับพรรคใหญ่ ทำให้จำนวนที่นั่งไม่สอดคล้องกับคะแนนนิยมที่ได้รับจริง ผลกระทบทางการเมืองที่จะเกิดขึ้นคือ

- ตัดโอกาสพรรคเล็กให้เหลือน้อยลง

- ตัดโอกาสพรรคทางเลือกให้เหลือน้อยลง

- ตัดโอกาสพรรคเกิดใหม่ให้เหลือน้อยลง

- อาจทำให้สภาผู้แทนราษฏรขาดความหลากหลายเท่าที่ควร

ทั้ง ๆ ที่สังคมไทยยุคใหม่ต้องการความแตกต่างหลากหลาย และนักการเมืองรุ่นใหม่ ตัวแทนของกลุ่มประชาชนต่าง ๆ นอกเหนือจากตัวแทนเชิงพื้นที่ เข้ามาร่วมส่วนในสภาผู้แทนราษฏรเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้เป็นเวทีประนอมอำนาจที่แท้จริง

พรรคเล็ก/พรรคทางเลือก/พรรคเกิดใหม่ ที่จะสร้างความหลากหลายให้กับสภาผู้แทนราษฎร โดยปกติส่วนใหญ่จะมีคะแนนนิยมกระจายอยู่ทั่วประเทศ ไม่ชำนาญการหาเสียงในเขตใดเขตหนึ่ง ไม่มีเครือข่ายหัวคะแนนในการเลือกตั้งแบบเก่า โอกาสที่จะได้รับเลือกจากระบบส.ส.เขตจึงมีไม่มากนัก

ส่วนในระบบส.ส.บัญชีรายชื่อ การคำนวณแบบคู่ขนาน หรือ MMM ที่มียอดรวมลดลงเหลือ 100 คน ทำให้พรรคที่จะมีโอกาสได้ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน จะต้องได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนไม่น้อยกว่า 350,000 - 400,000 คน

นอกจากนี้ ระบบ MMM บัตร 2 ใบ 400 : 100 คู่ขนาน เคยเป็นระบบเลือกตั้งที่เป็นสมุฏฐานส่วนหนึ่งของวิกฤตเมื่อ 16 ปีก่อน

แม้การพิจารณาในชั้นกรรมาธิการวาระ 2 จะได้แก้ไขจุดอ่อนของระบบ MMM ลงไปพอสมควร อาทิ ไม่กำหนดคะแนนเสียงขั้นต่ำ 5 % เหมือนรัฐธรรมนูญ 2540 และไม่บังคับว่าพรรคการเมืองใดจะส่งผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อได้จะต้องส่งผู้สมัครส.ส.ไม่ต่ำกว่า 100 เขตก่อนตามร่างฯของพรรคพลังประชารัฐ ก็ตามแต่ภาพรวมก็ไม่เปลี่ยนไปในสารัตถะสำคัญ