ประกาศราชกิจจาฯ ผ่อนคลายมาตรการควบคุม 29 จังหวัดสีแดงเข้ม เริ่ม 1 ก.ย.นี้

29 ส.ค. 2564 | 11:04 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ส.ค. 2564 | 18:21 น.
2.1 k

ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่การผ่อนคลายมาตรการควบคุม 29 จังหวัดสีแดงเข้ม และการเดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักร เริ่ม 1 ก.ย.นี้

วันที่ 28 ส.ค. 2564 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 32) บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 ลงนามโดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยมีสาระสำคัญคือ การผ่อนคลายมาตรการควบคุม 29 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม และการเดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักร

 

ข้อ 1 การกำหนดระดับของพื้นที่สถานการณ์เพื่อการบังคับใช้มาตรการควบคุมแบบบูรณาการ จำแนกเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (พื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัด ) พื้นที่ควบคุมสูงสุด (พื้นที่สีแดง 37 จังหวัด) และพื้นที่ควบคุม (พื้นที่สีส้ม 11 จังหวัด) ให้ยังคงบังคับใช้ต่อไป

 

ข้อ 2 พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ห้ามจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 25 คน

  • พื้นที่ควบคุมสูงสุด ห้ามจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 50 คน
  • พื้นที่ควบคุม ห้ามจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 100 คน
  • พื้นที่เฝ้าระวังสูง ห้ามจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 200 คน
  • พื้นที่เฝ้าระวัง ห้ามจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 500 คน

ข้อ 3 มาตรการเตรียมความพร้อมสำหรับการบังคับใช้ในอนาคต โดยให้กระทรวงสาธารณสุขเตรียมมาตรการป้องกันขั้นสูงสุดตาม “มาตรการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล” (Universal Prevention for COVID – 19)

ส่วนผู้ประกอบการ หรือองค์กรดูแลให้บุคลากรปฏิบัติตาม “มาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร” (Covid Free setting) โดยให้มีการประเมินผลภายใน 1 เดือน

 

ข้อ 4 การขยายเวลาการบังคับใช้มาตรการสำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ห้ามออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) ในระหว่างเวลา 21.00 น. ถึง 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น การปฏิบัติงานนอกสถานที่ (work from home) ของส่วนราชการและเอกชนให้ดำเนินการเต็มความสามารถเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 14 วัน (จนถึงวันที่ 14 กันยายน 2564)

 

ข้อ 5 การปรับมาตรการควบคุมแบบบูรณาการสำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ได้แก่

  1. โรงเรียน หรือ สถาบันการศึกษาทุกประเภท สามารถใช้อาคารหรือสถานที่เพื่อการจัดการเรียนการสอน การสอบ การฝึกอบรม หรือ การทำกิจกรรมใด ๆ ที่มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมากได้
  2. ร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม สามารถเปิดให้บริการได้ บริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มในร้านได้ไม่เกินเวลา 20.00 น. ห้ามบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านและจำกัดจำนวนผู้นั่งบริโภคในร้าน ห้องปรับอากาศไม่เกินร้อยละ 50 ของจำนวนที่นั่งปกติ แต่หากเป็นการบริโภคในพื้นที่เปิดที่อากาศสามารถระบายถ่ายเทได้ดี เช่น ร้านอาหารขนาดเล็ก หาบเร่ แผงลอย รถเข็น ไม่เกินร้อยละ 75 ของจำนวนที่นั่งปกติ และให้บังคับมาตรการนี้กับร้านอาหารที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ หรือสถานประกอบการอื่นที่มีลักษณะคล้ายกันด้วย
  3. สถานเสริมความงาม ร้านเสริมสวย แต่งผมหรือตัดผมให้เปิดดำเนินการได้
  4. สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ หรือ สถานประกอบการนวดแผนไทย ให้เปิดบริการได้เฉพาะการให้บริการนวดเท้า
  5. ตลาดนัด ให้เปิดได้ตามปกติจนถึง 20.00 น. เฉพาะการจำหน่ายสินค้าอุปโภคหรือบริโภค
  6. ห้างสรรสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ หรือ สถานประกอบกิจการอื่นที่มีลักษณะคล้ายกันสามารถเปิดได้ตามเวลาปกติของสถานที่นั้น ๆ จนถึงเวลา 20.00 น.

เว้นแต่กิจการหรือกิจกรรมบางประเภทที่กำหนดเงื่อนไขควบคุมการให้บริการ หรือ ให้ปิดกิจการดำเนินการไว้ก่อน ได้แก่

 

     ก.คลินิกเวชกรรมเสริมความงาม สถานเสริมความงาม สามารถเปิดดำเนินการและให้บริการได้ผ่านการนัดหมาย ส่วนร้านเสริมสวย แต่งผมหรือตัดผมให้เปิดบริการได้โดยผ่านการนัดหมายและจัดกัดเวลาให้บริการในร้านไม่เกินรายละ 1 ชั่วโมง

     ข.สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ หรือ สถานประกอบการนวดแผนไทยให้เปิดดำเนินการได้โดยผ่านการนัดหมายและจำกัดเฉพาะการให้บริการนวดเท้า

     ค.สถาบันกวดวิชา โรงภาพยนตร์ สวนสนุก สวนน้ำ สระว่ายน้ำ สถานที่ออกกำลังกาย ฟิตเนส ตู้เกม เครื่องเล่นเกม ร้านเกม การจัดเลี้ยงหรือการจัดประชุม ยังคงให้ปิดการดำเนินการไว้ก่อน

 

7.สวนสาธารณะ ลานกีฬา สนามกีฬา สระน้ำเพื่อการกีฬา หรือ กิจกรรมทางน้ำเพื่อการสันทนาการ หรือ สระว่ายน้ำสาธารณะ หรือ สถานที่เพื่อออกกำลังกายประเภทกลางแจ้งหรือตั้งอยู่ที่เป็นพื้นที่โล่ง สนามกีฬาหรือสถานที่ออกกำลังกายประเภทในร่มที่อากาศถ่ายเทได้ดี สามารถเปิดดำเนินการได้ไม่เกินเวลา 20.00 น. และสามารถจัดการแข่งขันได้โดยไม่มีผู้ชมในสนาม

 

8.การเข้าใช้สนามกีฬาทุกประเภทเพื่อการฝึกซ้อมของนักกีฬาทีมชาติได้ โดยไม่มีผู้ชมในสนาม

          ข้อ 6 การใช้เส้นทางคมนาคมเพื่อการเดินทางข้ามจังหวัดจากเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดไปยังพื้นที่อื่นสามารถกระทำได้ แต่ขอความร่วมมือเดินทางเมื่อกรณีมีเหตุจำเป็นเท่านั้น

          ข้อ 7 การขนส่งสาธารณะ จำกัดจำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการไม่เกินร้อยละ 75 ของความจุผู้โดยสาร

          ข้อ 8 ในกรณี ศปก.ศบค.ได้ประเมินสถานการณ์ตามข้อกำหนดนี้แล้วเห็นว่า ควรปรับเปลี่ยนหรือขยายความมาตรการในเรื่องใดเพื่อให้เกิดความชัดเจน เหมาะสม สะดวกแก่การปฏิบัติทำให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ให้เสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาสั่งการได้

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 เป็นต้นไป