ทูตสหรัฐประจำยูเอ็นมอบ 5 ล้านดอลลาร์ช่วยคนไทยสู้โควิด

11 ส.ค. 2564 | 14:41 น.
อัปเดตล่าสุด :11 ส.ค. 2564 | 22:16 น.

รัฐบาลสหรัฐส่งมอบความช่วยเหลือเพิ่มเติมให้กับไทยอีก 5 ล้านดอลลาร์เพื่อรับมือกับการระบาดของโควิด-19 พร้อมประกาศส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจำนวนหลายสิบล้านดอลลาร์ให้กับเมียนมาด้วย

ลินดา โทมัส - กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำสหประชาชาติ ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนประเทศไทย ประกาศเมื่อวานนี้ (10 ส.ค.) ว่า สหรัฐอเมริกา ขอมอบ ความช่วยเหลือด้านโรคโควิด-19 รอบใหม่ มูลค่า 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 166.8 ล้านบาท) ให้กับประเทศไทย เพื่อช่วยสนับสนุนบุคลากรสาธารณสุขที่ให้บริการฉีดวัคซีนแก่ประชาชน ตลอดจนเสริมสร้างศักยภาพระบบสาธารณสุขของไทยในการป้องกัน ตรวจหา และตอบสนองต่อโรคโควิด-19

ทูตสหรัฐประจำยูเอ็นเข้าพบนายกรัฐมนตรี 10 ส.ค.2564

ทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กล่าวที่ศูนย์ฉีดวัคซีน โรงพยาบาลเมดพาร์ค ว่า ในฐานะตัวแทนของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เธอขอเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นที่สหรัฐมีต่อชาวไทยระหว่างวิกฤตการณ์ด้านสาธารณสุขโลกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนี้ สหรัฐฯ ยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับประเทศไทยมากว่า 200 ปี มีความร่วมมือที่ครอบคลุมและแข็งแกร่งในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการค้าและการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนกับประชาชน ไปจนถึงพันธมิตรทางการทหารที่แน่นแฟ้น และความร่วมมือด้านสาธารณสุข ความสัมพันธ์ของไทย-สหรัฐ มีรากฐานอยู่บนค่านิยมของทั้งสองประเทศที่มีร่วมกันเหนือสิ่งอื่นใด


 

“ดิฉันรู้สึกยินดีที่มีโอกาสได้เห็นการดำเนินการของไทยในการฉีดวัคซีนและปกป้องประชาชนด้วยวัคซีน Pfizer ที่สหรัฐได้มอบให้เมื่อเร็วๆ นี้ เมื่อเช้านี้ดิฉันได้พบกับบุคลากรสาธารณสุขด่านหน้าผู้ซึ่งเป็นวีรบุรุษและวีรสตรีของไทย ในขณะที่พวกเขาได้รับวัคซีนเข็มแรก และดิฉันรู้สึกเกิดแรงบันดาลใจที่ได้ฟังเรื่องราวของพวกเขาในการปฏิบัติงานเพื่อรักษาชีวิต ดิฉันยังได้รับฟังสรุปเกี่ยวกับการจัดสรรวัคซีนเหล่านี้อย่างรวดเร็ว เหมาะสม และมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ทุกคนในประเทศไทยปลอดภัย”

 

โทมัส-กรีนฟิลด์ ยังกล่าวด้วยว่า นับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่ของโควิด-19 สหรัฐได้มอบเครื่องช่วยหายใจ อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล และอุปกรณ์สำคัญอื่นๆ ให้กับประเทศต่างๆ ทั่วโลกเพื่อช่วยต่อสู้กับโรคโควิด นอกจากนี้ บุคลากรทางการแพทย์ชาวอเมริกันยังทำงานเคียงข้างเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของไทยในการต่อสู้กับไวรัสที่เลวร้ายนี้ด้วย

 

“ในการยุติโรคโควิด เราทราบดีว่าเราต้องทำงานร่วมกัน เชื้อโควิดนั้นไร้พรมแดน ไวรัสนี้ไม่สนใจว่าเรามาจากประเทศไทย สหรัฐ  เมียนมา หรือ สปป.ลาว และไม่มีชาติหนึ่งชาติใดจะสามารถหยุดโรคระบาดใหญ่ได้โดยลำพัง การกำจัดเชื้อไวรัสนี้จะต้องใช้ความสามารถ ความเป็นผู้นำที่มีหลักการ และความร่วมมือของทุกชาติบนโลก”

ลินดา โทมัส - กรีนฟิลด์ ทูตสหรัฐประจำยูเอ็น (ซ้าย) เข้าพบนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีไบเดนได้ให้คำมั่นว่า สหรัฐจะมอบวัคซีนให้กับทั่วโลก เพราะเข้าใจดีว่า ไม่มีใครปลอดภัยจนกว่าทุกคนจะปลอดภัย ดังนั้น สหรัฐจึงมีแผนบริจาควัคซีนกว่า 500 ล้านโดสให้กับประเทศต่างๆ กว่า 100 ประเทศทั่วโลกโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และปราศจากเงื่อนไขใดๆ สำหรับประเทศไทย สหรัฐได้จัดส่งวัคซีน Pfizer จำนวน 1.5 ล้านโดสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะจัดส่งวัคซีนให้ไทยอีก 1 ล้านโดสในเร็วๆ นี้

 

ทูตสหรัฐประจำยูเอ็นกล่าวว่า “เรายังทราบอีกว่าประเทศไทยกำลังเผชิญกับแรงกดดันเพิ่มเติม ซึ่งรวมถึงการรับมือกับความต้องการด้านมนุษยธรรม อันเป็นผลจากวิกฤตการณ์ในเมียนมา ดังนั้นในวันนี้ ดิฉันภูมิใจที่จะประกาศว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะมอบความช่วยเหลือมูลค่า 55 ล้านดอลลาร์ โดยส่วนใหญ่จะเป็นความช่วยเหลือเพื่อการดำเนินการด้านมนุษยธรรม นอกจากนี้ เราจะให้ความช่วยเหลือเพื่อสนับสนุนการรับมือต่อการระบาด ซึ่งจะช่วยบรรเทาภาวะตึงตัวของระบบสาธารณสุขของไทย”

 

ในจำนวนเงินดังกล่าว สหรัฐมอบให้ไทยเป็นความช่วยเหลือเกี่ยวกับการรับมือโรคโควิด-19 จำนวน 5 ล้านดอลลาร์ เพื่อให้การสนับสนุนบุคลากรสาธารณสุขที่ให้บริการฉีดวัคซีนกับประชาชน และเสริมสร้างศักยภาพระบบสาธารณสุขของไทยในการป้องกัน ตรวจหา และตอบสนองต่อโรคโควิด-19

 

ส่วนเงินช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจำนวน 50 ล้านดอลลาร์ จะมอบให้กับภาคีองค์การระหว่างประเทศ และองค์กรนอกภาครัฐโดยตรง เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านอาหารกรณีฉุกเฉิน อุปกรณ์ช่วยชีวิต ที่พักพิง การให้บริการสาธารณสุขหลัก น้ำ การส่งเสริมสุขภาพ และบริการด้านสุขอนามัยต่างๆ แก่ประชากรกลุ่มเปราะบางจากเมียนมา ซึ่งรวมถึงผู้ลี้ภัยและผู้พลัดถิ่นภายในประเทศกว่า 700,000 คน ทั้งนี้ เงินช่วยเหลือดังกล่าวจะช่วยให้ไทย องค์กรนอกภาครัฐ และองค์การระหว่างประเทศสามารถตอบโต้วิกฤตการณ์โควิด และตอบสนองต่อความต้องการของประชากรกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ชายแดนฝั่งไทย

 

“ช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่ยากลำบากทั้งที่ประเทศไทยและในทั่วโลก และดิฉันอยากจะให้คนไทยทราบว่า สหรัฐจะยืนเคียงข้างพวกท่านต่อไป นอกจากนี้ ดิฉันยังอยากจะขอบคุณบุคคลเหล่านี้เป็นพิเศษ ได้แก่ พยาบาล หมอ บุคลากรสาธารณสุข อาสาสมัคร และทุกคนที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อหยุดไวรัสนี้ และช่วยชีวิตคนมากมาย”

 

ข้อมูลจาก สำนักข่าววอยซ์ ออฟ อเมริกา /สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย