สสจ.นครสวรรค์รับทำป้าย“อนุทิน”มอบ“วัคซีนไฟเซอร์”จริง แต่ไม่ได้ใช้ในงาน

08 ส.ค. 2564 | 17:23 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ส.ค. 2564 | 00:36 น.

“สสจ.นครสวรรค์”ออกโรงแจงปมป้าย“อนุทิน”มอบ “วัคซีนไฟเซอร์” ถูกมองไม่เหมาะสม จนแชร์กันว่อนโซเซียล ยันไม่เคยใช้งาน สั่งเก็บก่อนรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ขอความเป็นธรรมให้ทุกฝ่าย อย่ามองเป็นเรื่องการเมือง 

หลังโลกโซเชียลแห่แชร์ภาพ และคอมเมนต์กันสนั่น เมื่อปรากฎป้ายที่มีข้อความว่า  นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มอบ “วัคซีนไฟเซอร์”  ให้กับบุคลากรทางการแพทย์จังหวัดนครสวรรค์ ที่โรงพยาบาลท่าตะโก จ.นครสวรรค์ เมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งถูกมองว่าไม่เหมาะสม เคลมเป็นผลงานตัวเอง ทั้งนี้ทางสหรัฐอเมริกา มอบให้ประเทศไทย

 

ล่าสุดวันนี้(8 ส.ค.64) นพ.อดิสรณ์ วรรธนะศักดิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครสวรรค์ (สสจ.นครสวรรค์) ออกมาชี้แจงว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องของการเข้าใจที่คาดเคลื่อนของผู้ร่วมงาน และนำภาพที่ไม่เป็นความจริงทั้งหมดไปเผยแพร่ จนกลายเป็นประเด็นทางการเมืองที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น และเป็นการเมืองเกินไป เนื่องจากป้ายดังกล่าวไม่ได้ใช้งานบนเวทีเลย

 

เห็นว่าหากนำป้ายดังกล่าวมาติดบนเวที จะกลายเป็นประเด็นทางการเมือง จึงสั่งเก็บป้ายก่อนที่รัฐมนตรีจะเดินทางมาเป็นชั่วโมง และก็เป็นเรื่องจริงๆ ซึ่งหมายความว่ามีคนที่อยู่ในงาน นำภาพป้ายออกไปเผยแพร่ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าป้ายไม่ได้ใช้ ซึ่งไม่ทราบว่าเจตนาเพื่ออะไร บุคลากรสาธารณสุขไม่ใช่นักการเมือง แต่ถูกดึงเข้าไปยุ่งกับการเมืองด้วย”

 

 

นพ.อดิสรณ์ กล่าวต่อว่า ตนไม่เคยตำหนิเจ้าหน้าที่ซึ่งทำป้ายดังกล่าวมาหวังให้กำลังใจ และสร้างสีสันบนเวที เข้าใจเจตนาดีว่าต้องการให้กำลังใจ รัฐมนตรีฯและรองนายกฯ เพราะคิดว่าคนระดับรองนายกฯ เดินทางมาเยี่ยมเยือน ก็น่าจะให้กำลังใจกัน 

 

“แต่เมื่อทีมงานเห็นป้ายบนเวทีข้อความดังกล่าว เกรงว่าจะเป็นประเด็นการเมืองจึงสั่งปลดป้ายทันที ก่อนที่รัฐมนตรีจะเดินทางมานานนับชั่วโมงและไม่เคยใช้ป้ายนั้นอีกเลย ต้องให้ความเป็นธรรมกับรัฐมนตรีฯ คือท่านไม่ทราบเรื่องอะไรเลย ซึ่งเรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกัน บุคลากรทางการแพทย์ไม่ใช่นักการเมือง เราไม่ยุ่งกับการเมืองแต่อย่างใด”
 

สสจ.นครสวรรค์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้บุคคลากรทางการแพทย์ของจังหวัดนครสวรรค์มีขวัญกำลังใจดี ไม่เสียกำลังใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น จะขอทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพราะว่าแพทย์ พยาบาล จะเสียกำลังใจไม่ได้ เนื่องจากคนไข้เข้ามารักษากันวันละ 200-300 คน ทุกคนต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อประชาชน ซึ่งเรื่องนี้ขอสังคมอย่ามองเป็นเรื่องการเมืองจนเกินพอดี