องค์การเภสัชกรรม เซ็นสัญญาซื้อ-ขาย วัคซีนโควิดโมเดอร์นา รพ.เอกชน วันนี้

16 ก.ค. 2564 | 09:09 น.
อัปเดตล่าสุด :16 ก.ค. 2564 | 20:47 น.

องค์การเภสัชกรรม แจง ไม่มีเหตุผลจะเตะถ่วงวัคซีนโควิดโมเดอร์นา จะเริ่มทยอยเซ็นสัญญาซื้อ-ขายและรับชำระเงินค่าวัคซีนจากโรงพยาบาลเอกชนต่าง ๆ วันนี้ เเละให้เสร็จสิ้นภายใน 21 ก.ค.นี้

วานนี้ (15 ก.ค.64) นายแพทย์วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม ได้กล่าวถึงภารกิจขององค์การเภสัชกรรมกับสถานการณ์โควิด-19 ว่า องค์การฯไม่มีเหตุผลใดที่จะไปเตะถ่วงหรือทำให้การนำเข้าวัคซีนทางเลือกโมเดอร์นา ช้า ต้องการเห็นประเทศชาติรอดพ้นจากภัยคุกคามที่ร้ายแรงนี้เช่นเดียวกัน โดยพยายามเสาะแสวงหาวัคซีน mRNA ในแพลตฟอร์มใหม่ๆ เช่น วัคซีนโปรตีนซับยูนิต

โดยทำงานร่วมกับสถาบันวัคซีนแห่งชาติอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกมากขึ้น นอกจากนี้ เรื่องยารักษาโรค เเละก็ผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ได้เองได้รับทะเบียนจาก อย.แล้ว

รวมทั้งยาใหม่ๆที่เป็น Trend การใช้ของต่างประเทศ อีกทั้งวัคซีนโควิดที่เราผลิตเองมีการวิจัยทดลองในมนุษย์เป็นแห่งแรกของประเทศ ซึ่งจะเริ่มการวิจัยในระยะที่ 2 ในเดือนหน้านี้ ยังมีงานที่ต้องทำอีกมาก

ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวถึงกระแสข่าวที่เกิดขึ้นช่วงนี้ว่า พยายามชี้แจงมาตลอดเวลา องค์การฯได้รับมอบหมายให้เป็นตัวแทนภาครัฐในการเป็นตัวกลางอำนวยความสะดวกให้บริษัทซิลลิค ฟาร์มา จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำเข้าวัคซีนทางเลือกโมเดอร์นา อำนวยความสะดวกเต็มที่

องค์การฯต้องบริหารจัดการภายใต้แนวทาง “No profit  No loss กำไรไม่ต้องพูดถึง อย่าขาดทุนก็พอ” เเละทำงานร่วมกันกับสมาคมโรงพยาบาลเอกชนซึ่งมีสมาชิกจำนวนมาก ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี

ในวันที่ 16 กรกฎาคมนี้ จะเริ่มทยอยเซ็นสัญญาซื้อ-ขายและรับชำระเงินค่าวัคซีนจากโรงพยาบาลเอกชนต่าง ๆ ให้เสร็จสิ้นภายใน 21 กรกฎาคม นี้ เพื่อให้สามารถเซ็นสัญญากับบริษัทซิลลิคให้ได้โดยเร็วในวันที่ 23 กรกฎาคมนี้

โดยวัคซีน 5 ล้านโดสแรกจะเข้ามาในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้และไตรมาส 1 ปีหน้า เป็นไปตามไทม์ไลน์ ไม่ล่าช้า และน่าจะดำเนินการได้เร็วกว่ากำหนดการเดิมด้วย

“ในวิกฤตินี้สะท้อนการทำงานที่เต็มไปด้วยอุปสรรค เวลาและเงื่อนไขหลายอย่างที่เราไม่สามารถควบคุมได้ ‘ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว’ และเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ 

องค์การฯและเจ้าหน้าที่ทุกคนไม่ได้ย่อท้อและยังคงมุ่งมั่นเดินหน้า ทุ่มเททำงานกันต่อไป เพื่อให้ภารกิจนี้เสร็จสิ้น เพื่อให้มีวัคซีนทางเลือกมาฉีดให้ประชาชนโดยเร็วที่สุด” ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าว