สงครามกระดานเทรดคริปโต Binance TH ไล่ล่า Bitkub ชิงผู้นำ

ศึกตลาดคริปโตเคอร์เรนซีในประเทศไทยกำลังร้อนระอุขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อ 2 ยักษ์ใหญ่ในวงการอย่าง Bitkub และ Binance TH (Gulf Binance) ต่างงัดกลยุทธ์รุกตลาดเต็มกำลัง เพื่อแย่งชิงตำแหน่งเบอร์หนึ่งในใจนักลงทุนชาวไทย

ข้อมูลจาก CoinMarketCap ณ วันที่ 9 มิถุนายน 2568 ชี้ชัดว่า ปริมาณการเทรดในช่วง 24 ชั่วโมงล่าสุดของ Bitkub อยู่ที่ 30.38 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,033 ล้านบาท) ขณะที่ Binance TH ไล่ตามมาติด ๆ ที่ 22.40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 761 ล้านบาท) หรือมีส่วนต่างเพียง 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 272 ล้านบาท) ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับขนาดตลาด สะท้อนถึงการแข่งขันที่เริ่มทวีความเข้มข้น และไม่มีใครเป็นเจ้าตลาดได้ตลอดไป

Bitkub ยังครองผู้นำตลาดคริปโต  

Bitkub เปิดให้บริการตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2561 เป็นที่รู้จักในหมู่คนไทยจากความเป็น “แพลตฟอร์มสัญชาติไทย” ที่ให้บริการคริปโตยุคแรกในประเทศ โดยข้อมูลจากงบการเงินล่าสุด ระบุว่า

- ปี 2566 Bitkub มีรายได้รวม 647 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 374 ล้านบาท

- แม้รายได้จะลดลงจากช่วงพีคในปี 2564–2565 แต่ยังคงทำกำไรต่อเนื่อง 3 ปีซ้อน

- กำไรสูงสุดอยู่ในปี 2564 ที่ 2,180 ล้านบาท ซึ่งเป็นปีทองจากกระแสคริปโตบูม

“ฐานเศรษฐกิจ”ได้สืบค้นข้อมูล Creden Data พบว่า บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด มีรายได้รวมและกำไร-ขาดทุน (ปี 2562–2566) ดังนี้

ปี 2562

- รายได้รวม: 10 ล้านบาท

- ขาดทุนสุทธิ: 2.7 ล้านบาท

ปี 2563

- รายได้รวม: 22.3 ล้านบาท

- ขาดทุนสุทธิ: 3 ล้านบาท

ปี 2564

- รายได้รวม: 2,308 ล้านบาท

- กำไรสุทธิ: 2,180 ล้านบาท

ปี 2565

- รายได้รวม: 1,744 ล้านบาท

- กำไรสุทธิ: 1,322 ล้านบาท

ปี 2566

- รายได้รวม: 647 ล้านบาท

- กำไรสุทธิ: 374 ล้านบาท

 

ส่วนรายได้รวมและกำไร-ขาดทุนบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (Bitkub Online) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีหลักของกลุ่ม Bitkub พบว่า Bitkub Online   ทำกำไรได้ทุกปีต่อเนื่อง แม้รายได้จะผันผวนตามภาวะตลาดคริปโต   โดยปี 2564 เป็นจุดสูงสุด โดยมีกำไรสุทธิกว่า 2,500 ล้านบาทปี 2567 ฟื้นตัวจากปี 2566 ด้วยรายได้ที่กลับมาเพิ่มขึ้น และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าตัว

รายได้รวมและกำไร-ขาดทุน บิทคับ ออนไลน์ (ปี 2563–2567)

ปี 2563

- รายได้รวม: 330.6 ล้านบาท

- กำไรสุทธิ: 79.9 ล้านบาท

ปี 2564

- รายได้รวม: 5,509.9 ล้านบาท

- กำไรสุทธิ: 2,545.4 ล้านบาท

ปี 2565

- รายได้รวม: 2,847 ล้านบาท

- กำไรสุทธิ: 341.9 ล้านบาท

ปี 2566

- รายได้รวม: 1,153 ล้านบาท

- กำไรสุทธิ: 163.4 ล้านบาท

ปี 2567

- รายได้รวม: 1,987.2 ล้านบาท

- กำไรสุทธิ: 501.9 ล้านบาท

Binance TH พลิกทำกำไรครั้งแรก

Binance TH ที่เปิดบริการในเดือนพฤษภาคม 2566 ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง Binance Global และ Gulf Innova แม้จะเพิ่งเริ่มต้น แต่ก็เร่งเครื่องอย่างหนัก

- ปี 2566 มีรายได้เพียง 463,656 บาท และขาดทุนกว่า 30 ล้านบาท

- ในปี 2567 พลิกฟื้นด้วยรายได้พุ่งขึ้นเป็น 184.8 ล้านบาท

- ทำกำไรสุทธิครั้งแรกที่ 7.5 ล้านบาท สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการเร่งสร้างรายได้และฐานลูกค้า

จุดแข็งของ Binance TH อยู่ที่เทคโนโลยีการเทรดระดับโลกจาก Binance Global ระบบที่รวดเร็ว รองรับคู่เหรียญจำนวนมาก และเชื่อมต่อ Ecosystem ระดับนานาชาติได้อย่างราบรื่น ขณะที่ต้นทุนต่อผู้ใช้งานต่ำลงเมื่อ scale ขยายตัว

ข้อมูลจาก Creden Data ระบุว่า บริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด (Gulf Binance) มีรายได้ กำไร-ชาดทุนปีงบประมาณ 2565–2567) มีรายละเอียดดังนี้:

รายได้รวมและกำไร-ขาดทุนสุทธิ (ปี 65-67)

ปี 2565

- รายได้รวม: 43,410 บาท

- ขาดทุนสุทธิ: 4,647,688 บาท

ปี 2566

- รายได้รวม: 463,656 บาท

- ขาดทุนสุทธิ: 30,925,635 บาท

ปี 2567

- รายได้รวม: 184,830,318 บาท

- กำไรสุทธิ: 7,563,823 บาท

“แบรนด์ไทย” ปะทะ “ทุนโลก”

Bitkub ได้เปรียบในแง่ความคุ้นเคยและความไว้วางใจในระดับชุมชนผู้ใช้ ส่วน Binance TH มีพลังสนับสนุนระดับโลก ทุนหนา และเครื่องมือระดับสากล นี่คือการปะทะกันของ “ความคุ้นเคย” กับ “นวัตกรรมระดับโลก” ซึ่งจะวัดกันในสนามจริงด้วยความเร็ว กลยุทธ์ และความสามารถในการดึงดูดนักลงทุนรายใหม่

ตลาดคริปโตเปลี่ยนแปลงในระดับเสี้ยววินาที และผู้ใช้งานคือผู้กำหนดทิศทางสุดท้าย ว่าใครจะครองใจ และครองตลาดในยุคที่ไม่มีที่ว่างสำหรับความชะล่าใจ