นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่า ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ (9-13 มิ.ย.68) ยังแกว่งตัวผันผวนในลักษณะ Sideway ออกข้างช่วงสั้น
โดยมีปัจจัยหนุนจากตัวเลขการจ้างงานที่ออกมาดีกว่าคาด โดยการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน พ.ค. เพิ่มขึ้น 139,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 147,000 ตำแหน่งในเดือน เม.ย. และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าอาจจะเพิ่มขึ้นเพียง 130,000 ตำแหน่ง
ขณะที่อัตราว่างงานยังคงอยู่ที่ระดับ 4.2% สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ พร้อมจับตาผลการเจรจาระหว่างสหรัฐและจีนที่กรุงลอนดอนในวันที่ 9 มิ.ย. เพื่อหารือข้อตกลงการค้า แม้ปัจจัยสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนมีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้นต่อเนื่อง
ขณะที่ปัจจัยในประเทศถูกกดดันจากปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา โดยกองทัพบกได้กำหนดมาตรการควบคุมการเปิด-ปิด จุดผ่านแดนทุกประเภท ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชาตามมติสภาความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อรักษาอธิปไตยของชาติ และดูแลความปลอดภัยของประชาชน จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีที่ระดับ 1,100-1,170 จุด
ทั้งนี้ ยังคงต้องเฝ้าระวังปัจจัยในประเทศที่อาจจะส่งผลต่อการลงทุนได้เช่นกัน อาทิ
14 มิ.ย.
สัปดาห์ที่ 2
สัปดาห์ที่ 3
วันที่ 25 มิ.ย.
สัปดาห์ที่ 4
วันที่ 30 มิ.ย.
ส่วนปัจจัยต่างประเทศ อาทิ
นายวัชเรนทร์ จงยรรยง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่คาดการณ์ว่าจะมีการนำเข้าคำนวณดัชนี SET50 ในรอบครึ่งปีหลังของปี 2568 ที่จะประกาศราวกลางเดือนมิ.ย. นี้ ได้แก่ BCP, BTG,TCAP และ TIDLOR เป็นต้น
ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินว่า ราคาทองคำมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนจากปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ประกอบกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ปธน.สหรัฐ ได้ลงนามเก็บภาษีนำเข้าเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมเป็น 50% ทำให้นักลงทุนยังคงถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
ประกอบกับความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ทำให้มีแรงขายทำกำไรทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย นอกจากนี้ประธานเฟดกล่าวยืนยันว่าจะดำเนินนโยบายตามข้อมูลเศรษฐกิจ แม้ ปธน.สหรัฐ กดดันให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม สัปดาห์นี้แนะนำให้ติดตามการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ จึงให้กรอบทองคำ 3,250 – 3,350 ดอลลาร์จ่อออนซ์ หากหลุดแนวรับให้ชะลอการลงทุน